12/23/2556

การสร้างไฟล์ PDF/X ไฟล์ PDF/X และ Adobe Creative Suite 2

การสร้างไฟล์ PDF/X ไฟล์ PDF/X และ Adobe Creative Suite 2
ปัจจุบันนักออกแบบ ผู้ประกอบการทางด้านการพิมพ์ เริ่มที่จะรู้จัก และได้รู้จักกับรูปแบบไฟล์ PDF/X กันมากขึ้นพร้อมทั้งเริ่มนำเอารูปแบบไฟล์ชนิดนี้มาใช้ร่วมในขั้นตอนของการผลิตสิ่งพิมพ์ แต่พัฒนาทางด้านเทคโนโลยีไม่ได้หยุดอยู่กับที่ครับ ในขณะที่เราเริ่มต้นสนใจ และคิดว่าจะนำเอาไฟล์ PDF/X มาใช้งาน โปรแกรมการทำงานก็มีการพัฒนาออกมาใหม่เรื่อยๆ ล่าสุด Adobe ได้เปิดตัว Adobe Creative Suite รุ่นที่ 2 ออกมา พร้อมทั้งมีการพัฒนาคุณสมบัติของไฟล์ PDF/X ตามไปด้วยดังนั้นจึงขอนำเอาความสัมพันธ์ระหว่าง PDF/X กับ Adobe CS 2 มาเล่าสู่กันฟังครับ
แต่ก่อนอื่นก็ต้องขอย้อนให้ทุกท่านได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับไฟล์มาตรฐาน PDF/X ว่ามันคืออะไร ? ตัว X หมายถึง eXchange คือการแลกเปลี่ยนไฟล์ PDF สำหรับงานเตรียมพิมพ์ ไฟล์ PDF/X ไม่ใช้ไฟล์ PDF รูปแบบใหม่ อันที่จริงแล้วมันคือไฟล์ PDF นั่นแหละครับ แต่มีการรวมตัวกันของผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสิ่งพิมพ์ รวมถึงสมาคมต่างๆ ได้มีตกลงกัน เพื่อกำหนดรูปแบบไฟล์ PDF ที่เหมาะสมกับการผลิตสิ่งพิมพ์ โดยตัดคุณสมบัติที่ไม่จำเป็นออก เช่น การเชื่อมโยง ( Link), Bookmarks, ภาพเคลื่อนไหว และเสียง , Security เป็นต้น
ไฟล์ PDF/X ยังถูกแบ่งเป็น PDF/X-1, PDF/X-2, PDF/X-3 แต่ไฟล์ที่ผ่านการรับรอง และสามารถนำมาปรับใช้ได้กับระบบงานเตรียมพิมพ์แล้ว คือ PDF/X-1a และ PDF/X-3 โดยมีข้อกำหนดคร่าวๆ ดังนี้
- จะต้องมีการฝังฟอนต์ทุกฟอนต์ในไฟล์ PDF
- จะต้องมีการระบุขอบเขตของหน้างาน เช่น TrimBox, MediaBox หรือ BleedBox
- ไม่มีการกำหนด Security
- ไม่มีการเลือกใช้ระบบ OPI
- รองรับระบบสี CMYK และ Spot ( กรณี PDF/X-1a) และรองรับการจัดการสี (กรณี PDF/X-3)
ใน Adobe Creative Suite 2 จะมี preset สำหรับสร้างไฟล์ PDF/X-1a และ PDF/X-3 ซึ่ง preset จะสามารถนำมาใช้ร่วมกันในโปรแกรม Adobe InDesign CS2, Adobe Illustrator CS2, Adobe Photoshop CS2 และ Adobe Acrobat Distiller 7.0
เวอร์ชั่นของไฟล์มาตรฐาน PDF/Xไฟล์มาตรฐาน PDF/X จะค่อยๆพัฒนามาเลื่อย ๆ ใช้เวลาหลายปี จนได้มาตรฐานต้นแบบพร้อมการประกาศตัวในปี 2000 จากนั้นก็มีการปรับเปลี่ยนมาตรฐานเพื่อให้สอดคล้องกับคุณสมบัติเวอร์ชั่นใหม่ของ PDF ไฟล์มาตรฐาน PDF/X-1a:2001 และ PDF/X-3:2002 มีพื้นฐานมาจาก PDF 1.3 (Acrobat 4.0) ส่วนเวอร์ชั่นใหม่ของไฟล์มาตรฐาน PDF/X-1a:2003 และ PDF/X-3:2003 จะยึดพื้นฐานมาจาก PDF 1.4 (Acrobat 5.0) แต่สามารถใช้ข้อกำหนดเช่นเดียวกับไฟล์ PDF 1.3 ได้
ความแตกต่างหลักระหว่างเวอร์ชั่น 2003 มาตรฐาน ที่รองรับ PDF 1.4 คือจะมีการเพิ่มการรองรับการบีบอัดรูปแบบ JBIG รูปแบบไฟล์ PDF 1.4 จะรองรับ Transparency ( ซึ่งยังไม่มีการ Flatten) แต่ในขณะเดียวกันเวอร์ชั่น 2003 ของ PDF/X มาตรฐาน จะไม่รองรับ Transparency คุณยังสามารถใช้ Transparency ในงานออกแบบของคุณได้ แต่คุณจะต้องทำการ Flatten Transparency ก่อนที่จะสร้างไฟล์ PDF/X
เมื่อคุณสร้างไฟล์ PDF 1.3 จาก Adobe Creative Suite อาทิเช่น Photoshop, Illustrator หรือ InDesign ทำการรวมวัตถุที่ใช้ transparency เป็นชิ้นเดียวกัน โดยเลือกกำหนดที่ Transparency Flattener เมื่อคุณ save งานเป็นไฟล์ PDF 1.4 หรือในเวอร์ชั่นที่ใหม่กว่า Transparency จะยังคงอยู่ ไฟล์ PDF 1.4 ที่ Save โดยตรงจาก InDesign CS2, Illustrator CS2 หรือ Photoshop CS2 ไม่ถูกต้องตามข้อกำหนดไฟล์ PDF/X เพราะว่าไฟล์ PDF/X ไม่รองรับ Transparency เพราะฉนั้น Adobe Creative Suite 2 จะติดตั้ง presets สำหรับไฟล์มาตรฐาน PDF/X 1a:2001 และ PDF/X-3:2002 ด้วยการ Save ไฟล์ PDF/X ในรูปแบบ PDF 1.3 ดังนั้นจึงจะมีการ flatten transparency ด้วย สำหรับมาตรฐาน 2003 จะถูกจัดเก็บไว้ใน Extras folder บนแผ่น CD ที่ใช้ในการติดตั้งโปรแกรม
การสร้างไฟล์ PDF/Xก่อนที่คุณจะสร้างไฟล์ PDF/X ให้ถูกต้องตามข้อกำหนด ต้องแน่ใจว่าเอกสารต้นทางได้มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม เป็นไปตามความต้องการของรูปแบบ PDF/X และตามความต้องการของผู้ผลิตสิ่งพิมพ์ หรือโรงพิมพ์ต้องแน่ใจว่าฟอนต์ทุกฟอนต์ที่ใช้ในเอกสารถูกติดตั้งอยู่ในระบบ และไฟล์ภาพมีการ link ถูกต้อง ถ้าคุณวางแผนที่จะส่งไฟล์ PDF/X-1a ให้ทำการตรวจเช็ครูปภาพทั้งหมดที่ link อยู่ในเอกสารใช้ขอบเขตสี CMYK หรือสี Spot ถ้าคุณวางแผนที่จะส่งไฟล์ PDF/X-3 คุณสามารถใช้สี RGB ได้ ถ้ามีการรวม color profiles ไว้ด้วย คุณสามารถใช้คำสั่ง Preflight ใน InDesign หรือ Acrobat เพื่อเช็คสถานะของฟอนต์ , รูปภาพ และการ link ในเอกสาร
ทันทีที่เอกสารเสร็จสมบูรณ์แล้ว คุณสามารถทำการ Save หรือ Export โดยตรงไปเป็นไฟล์ PDF/X จาก Adobe Creative Suite 2 , สั่งพิมพ์ไปเป็นไฟล์ PDF/X โดยใช้ Adobe Acrobat Distiller 7.0 และ Adobe PDF printer หรือพิมพ์ไปเป็นไฟล์ PDF และหลังจากนั้นก็ทำการเปลี่ยนไปเป็นไฟล์ PDF/X ใน Acrobat 7.0 Professional
วิธีการสร้างไฟล์ PDF/X จาก InDesign CS2, Photoshop CS2 หรือ Illustrator CS21. ใน InDesign CS 2 เลือก File > Export และจากนั้นเลือก Adobe PDF จากรายการ Format ใน Photoshop CS2 เลือก File > Save As และจากนั้นเลือก Photoshop PDF จากรายการ Format ใน Illustrator CS2 เลือก File > Save As และจากนั้นเลือก Adobe PDF จากรายการ Format
หมายเหตุ ไฟล์ Photoshop PDF ก็คือไฟล์ Adobe PDF ที่เก็บรักษาข้อมูลไว้สำหรับการแก้ไขใน Photoshop ไฟล์ PDF ที่ Save จาก Illustrator สามารถที่จะนำมาเปิดใช้งานได้อีกใน Illustrator ถ้าเลือกคำสั่ง Preserve Illustrator Editing Capabilities เมื่อคุณ Save ไฟล์ PDF เพื่อที่จะรักษาข้อมูลไว้สำหรับการแก้ไขของวัตถุทั้งหมด รวมถึงวัตถุที่ใช้ Transparency ด้วย
2. ตั้งชื่อไฟล์ และระบุตำแหน่งสำหรับจัดเก็บ จากนั้นคลิ๊ก Save, dialog box ของ Export Adobe PDF (InDesign) หรือ Save Adobe PDF (Photoshop และ Illustrator) จะถูกเปิดขึ้นมา
3. เลือก Adobe PDF preset โดย default โปรแกรมชุด Adobe Creative Suite 2 จะติดตั้ง PDF/X-1a:2001 และ PDF/X-3:2002 ไว้ให้คุณสามารถสร้าง preset สำหรับไฟล์มาตรฐาน PDF/X เก็บไว้ใช้ได้เพื่อให้สอดคล้องกับระบบงานของคุณ, สอดคล้องกับผู้เจ้าของหนังสือ หรือโรงพิมพ์
4. เลือก PDF/X-1a 2001 หรือ PDF/X-3 2002 จากรายการ Standard และ Acrobat 4 (PDF 1.3) จากรายการ Compatibility
5. ทำการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดที่เหมาะสม แต่ต้องตระหนักว่าการเปลี่ยนแปลงบางอย่างอาจจะเกิดผลกระทบ และใช้ไม่ได้กับกฏข้อบังคับในไฟล์ PDF/X ถ้าตัวเลือก PDF/X standard จางลง แสดงว่าคุณมีการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดที่ใช้ไม่ได้กับกฏข้อบังคับเมื่อมีการแปลงไฟล์ PDF/X
หมายเหตุ ตัวเลือก Security จะจางลง เพราะว่า security ไม่รองรับกับไฟล์มาตรฐาน PDF/X
6. คลิ๊ก Save PDF
การเปลี่ยนแปลงไฟล์ PDF ไปเป็นรูปแบบ PDF/Xคุณสามารถที่จเปลี่ยนแปลงไฟล์ PDF ที่คุณมีอยู่ไปเป็นไฟล์ PDF/X ได้ โดยปฏิบัติดังต่อไปนี้
1. เปิดไฟล์ PDF ใน Acrobat 7.0 Professional
2. เลือก Tools > Print Production > Preflight
3. คลิ๊กปุ่ม PDF/X ที่อยู่ด้านล่าง dialog box ของ Preflight
4. เลือก Convert PDF Document To PDF/X-1a If Possible หรือ Convert PDF Document To PDF/X-3 If Possible กำหนด output condition (profile สีของระบบพิมพ์) และกำหนดค่า default ของ trapping จากนั้นคลิ๊ก OK
5. Acrobat จะพยายามทำการแปลงเอกสารไปเป็นมาตรฐานไฟล์ PDF/X ตามที่คุณได้ระบุไว้ ถ้ามันไม่สามารถที่จะแปลงได้ มันจะทำการรายงานข้อผิดพลาดของการแปลง และแสดงประเด็นปัญหาที่ตรวจพบ ทำการแก้ไขให้ถูกต้องในประเด็นต่างๆ คุณอาจจะต้องย้อนกลับไปที่โปรแกรมต้นทางที่คุณใช้ในการสร้างไฟล์ PDF
การสร้างไฟล์ PDF/X ผ่าน Acrobat Distillerคุณสามารถพิมพ์ไฟล์ PostScript จากโปรแกรมต่างๆ และจากนั้นนำไปแปลงเป็นไฟล์ PDF/X ใน Acrobat Distiller 7.0 ใช้ Adobe PDF Printer ซึ่งมีให้มาพร้อมกับ Adobe Creative Suite 2 เพื่อพิมพ์เป็นไฟล์ PDF/X โตยตรง Adobe PDF Printer จะใช้ข้อกำหนดที่เลือกไว้ใน Distiller ต้องไม่ลืมว่าไฟล์ PDF/X ที่มีผลลัพท์ที่ดี ไฟล์ต้นที่นำมาแปลงเป็น PDF/X ก็จะต้องเป็นไฟล์ที่ดีด้วย ก่อนที่คุณจะสั่งพิมพ์เอกสารให้เป็น PDF จะต้องแน่ใจว่าเอกสารจากโปรแกรมต่างๆ มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับมาตรฐานไฟล์ PDF/X ด้วย ความต้องการต่างๆ จะต้องกำหนดโดยโรงพิมพ์ หรือผู้ผลิตสิ่งพิมพ์เลือก PDF/X preset ใน Distiller และจากนั้นใช้ Adobe PDF Printer เพื่อสร้างไฟล์ PDF/X
1. เริ่มต้น เปิดโปรแกรม Acrobat Distiller 7.0
2. เลือกไฟล์ข้อกำหนด จากรายการ Default Setting ไฟล์ข้อกำหนด PDF/X-1a:2001 และ PDF/X-3:2002 จะให้มาพร้อม Acrobat คุณอาจจะมีไฟล์ข้อกำหนด (นามสกุลเป็น . joboptions) ที่ได้มาจากโรงพิมพ์ หรือผู้ผลิตสิ่งพิมพ์ สำหรับเงื่อนไขการพิมพ์ที่เฉพาะเจาะจง
หมายเหตุ คุณสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเลือกในไฟล์ข้อกำหนดได้ ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดให้แตกต่างจากไฟล์ข้อกำหนดที่มีอยู่ในโปรแกรม Distiller เลือกเมนู Setting > Edit Adobe PDF Setting ระบุมาตรฐานไฟล์ PDF/X ที่ต้องการ ใน Standard panel
3. เปิดไฟล์งานจากโปรแกรมต่างๆ ที่ต้องการนำมาสร้างเป็นไฟล์ PDF/X เลือกเมนู File > Print
4. เลือก Adobe PDF Printer ระบุตัวเลือกทางการพิมพ์ ตัวอย่างเช่น หน้าที่ต้องการจะพิมพ์
5. ตั้งชื่อไฟล์ PDF และเลือกตำแหน่งจัดเก็บไฟล์ และจากนั้นคลิ๊ก OK หรือ Save
6. Distiller ทำการประมวลผลไฟล์ และมันจะสร้างรายงานเกี่ยวกับสร้างไฟล์ PDF ซึ่งจะแสดงอยู่ด้านล่างของ dialog box เมื่อ Distiller ทำการประมวลผลเสร็จแล้ว มันจะแสดงข้อความสรุปสาระสำคัญ ของคำเตือน และความผิดพลาด ซึ่งใช้ไม่ได้กับมาตรฐานไฟล์ PDF/X ถ้า Distiller ทำสร้่างไฟล์ PDF/X ผ่านตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงกันไว้ จะปรากฏไฟล์ PDF ขึ้นมา ผ่านใต้แถบรายการ PDF File พร้อมทั้งรายงานเกี่ยวกับขนาดของไฟล์ PDF, เวลาที่ใช้ในการแปลงไฟล์ ( Time), ไฟล์ PostScript ที่นำมาแปลง ( PS File), ข้อกำหนดที่ใช้ในการแปลงไฟล์ ( Settings) และ ตำแหน่งที่จัดเก็บไฟล์ PDF ที่แปลงเสร็จแล้ว ( PDF Folder)

Acrobat Distiller 7.0 สามารถทำการแก้ไขบางประเด็นที่เอกสาร เพื่อสร้างไฟล์ PDF/X ที่ถูกต้องตามกฏข้อบังคับ เช่น สามารถแปลงสีไปเป็น CMYK, ตรวจเช็คความละเอียดต่ำสุด ผู้ใช้สามารถเลือกกำหนดไว้ได้ และตั้งค่า TrimBox, BleedBox, Output Intent Profile Name และให้สอดคล้องกับค่าที่ระบุไว้ใน Standard panel อยู่ใน dialog box ของ Adobe PDF Setting โดยค่า Default โปรแกรม Distiller จะทำการยกเลิกการแปลงไฟล์ เมื่อมันไม่สามารถที่จะสร้างไฟล์ PDF/X ที่ถูกต้องตามข้อบังคับ
หมายเหตุ คุณสามารถสร้างไฟล์ PDF/X จากไฟล์ PostScript โดยการลากไฟล์ PS ไปวางทับบน dialog box ของ Acrobat Distiller หรือเลือก File > Open เลือกไฟล์ที่ต้องการ และคลิ๊ก Open
ทำการปรับปรุงข้อกำหนด PDF/X ให้เหมาะสมข้อกำหนด default ของ PDF/X เป็นการจัดเตรียมไฟล์ PDF/X สำหรับ SWOP เป็นการพิมพ์บนแท่น web offset พิมพ์ลงบนกระดาษ coated ถ้าคุณจะจัดเตรียมไฟล์สำหรับระบบการพิมพ์ที่แตกต่างจากนี้ คุณต้องทำการสร้างข้อกำหนด PDF/X ขึ้นมาใช้เอง ( preset) คุณสามารถสร้างข้อกำหนดเพียงครั้งเดียว เพื่อใช้ร่วมกันทุกโปรแกรมในชุด Adobe Creative Suite 2 รวมถึง Acrobat Distiller 7.0
ทำการบันทึกไฟล์ข้อกำหนดคุณสามารถปรับปรุงข้อกำหนดของคุณ ให้ได้ไฟล์ข้อกำหนดที่เหมาะสม ใน Acrobat Distiller, InDesign CS2, Illustrator CS2 หรือ Photoshop CS2 ไฟล์ข้อกำหนดที่อยู่ใน Acrobat Distiller จะเหมือนกับไฟล์ Adobe PDF presets ในโปรแกรมต่างๆ ในชุด Adobe CS2 ชื่อไฟล์จะมีนามสกุลเป็น . joboptions และจัดเก็บอยู่ใน Library/Application Support/Adobe PDF/Setting folder ใน Mac OS หรือ Document and Setting/All Users/Documents/Adobe PDF/Settings folder ใน Windows
วิธีปรับปรุงไฟล์ข้อกำหนด ใน Acrobat Distiller1. เลือกไฟล์ข้อกำหนดที่โปรแกรมให้มา (เช่น PDF/X-3:2002) จากรายการ Default ใน Distiller
2. เลือกเมนู Settings > Edit Adobe PDF Setting
3. กำหนดตัวเลือกแต่ละ panel เพื่อให้เหมาะสมสำหรับเงื่อนไขของการ output


4. คลิ๊ก Save As
5. ตั้งชื่อไฟล์ ใส่คำอธิบายเกี่ยวกับข้อกำหนดที่สร้างขึ้นใหม่ และ Save ไว้ในตำแหน่งที่โปรแกรมระบุไว้
วิธีปรับปรุงไฟล์ PDF preset ให้เหมาะสม ใน InDesign CS2, Illustrator CS2 หรือ Photoshop CS21. ใน dialog box ของ Export Adobe PDF (InDesign CS2) หรือใน dialog box ของ Save Adobe PDF (Photoshop CS2 และ Illustrator CS2)
2. กำหนดตัวเลือกแต่ละ panel เพื่อให้เหมาะสมสำหรับเงื่อนไขของการ output
3. คลิ๊ก Save Preset
4. ตั้งชื่อไฟล์ ใส่คำอธิบายเกี่ยวกับข้อกำหนดที่สร้างขึ้นใหม่ และ Save ไว้ในตำแหน่งที่โปรแกรมระบุไว้


การตรวจเช็คไฟล์ PDF/Xทางที่ดี และถูกต้อง คุณควรจะทำการตรวจเช็คเอกสาร ก่อนที่คุณจะส่งมันไปพิมพ์ แต่มันเป็นสิ่งสำคัญมาก เมื่อคุณต้องการจัดเตรียมไฟล์เอกสารเพื่อไปสร้างเป็นไฟล์ PDF/X ในโปรแกรม Acrobat 7.0 Professional จะมีคำสั่ง Preflight ที่สามารถทำการตรวจสอบไฟล์ เพื่อค้นหาปัญหาต่างๆ และยืนยันความถูกต้อง ตามข้อกำหนดไฟล์มาตรฐาน PDF/X และเพิ่มกฏเกณฑ์ต่างๆ ซึ่งคุณจะต้องใส่ไว้ใน Preflight Profile ( เช่น ความละเอียดน้อยสุดของภาพ) คุณสามารถทำการตรวจเช็คเอกสารทีละไฟล์ หรือใช้คำสั่ง Preflight Droplet เพื่อทำการตรวจเช็คไฟล์หลายๆ พร้อมกันแบบอัตโนมัติ
วิธีตรวจเช็คไฟล์ PDF/X1. เปิดไฟล์งานที่ต้องการตรวจเช็ค ใน Acrobat 7.0 Professional
2. เลือกเมนู Advanced > Preflight จะเปิด dialog box ของ Preflight ขึ้นมา จะมีการแสดงสถานะของเอกสาร PDF/X ให้เห็นอยู่ด้านล่างของ dialog box
3. เลือก PDF/X Preflight Profile ใด Profile หนึ่ง ที่ต้องการตรวจเช็ค และจากนั้นคลิ๊ก Execute
4. โปรแกรม Acrobat จะทำการตรวจเช็คเอกสาร และสร้างรายงานปัญหาที่ตรวจเช็คเจอ ถ้าต้องการดูรายละเอียดที่มากขึ้น ให้คลิ๊กเลือก Show Detailed Information About Document หรือเลือก Show Selected Page Element In Snap View

5. คลิ๊กที่แถบ Profile เพื่อดูสถานะ PDF/X ของเอกสาร ถ้า Acrobat ยืนยันความถูกต้องของเอกสาร ซึ่งเข้าหลักเกณฑ์มาตรฐาน ตาม profile ที่คุณเลือก จะแสดงเครื่องหมายขีดถูกสีเขียวในรูปสัญลักษณ์ PDF/X, แสดงรายการมาตรฐาน และเป้าหมายของการ Output ต่อจากรูปสัญลักษณ์
การตรวจเช็คไฟล์ PDF/X โดยเครื่องมือ Preflight ใน Acrobat 7.0 Professional ยังมีอีกรายละเอียดมากพอสมควร และต้องการอาศัยการเรียนรู้พร้อมทั้งการทดลองทำงานจริง จึงจะเข้าใจ และสามารถทำการตรวจเช็คไฟล์ PDF ด้วยเครื่องมือ Preflight ได้อย่างแท้จริง เพราะนอกจาก Profile การตรวจเช็คที่โปรแกรมมีมาให้ คุณยังสามารถที่จะสร้าง Profile การตรวจเช็คขึ้นมาใช้เอง เพื่อให้สอดคล้องกับระบบงานของคุณ , สามารถสร้างกระบวนงานของการตรวจเช็คแบบอัตโนมัติ , การนำ Profile ของการตรวจเช็คร่วมกัน ซึ่งอย่างที่บอกครับมีรายละเอียดอีกมาก ไม่สามารถนำมาอธิบายได้หมด ผมจึงแนะนำว่า หน่วยงานใดที่ต้องการใช้ Preflight ให้ได้ประโยชน์สูงสุดควรจะต้องเข้าร่วมฝึกอบรมสักครั้ง ซึ่งที่สถาบัน TGDC ของคุณขจร เขามีเปิดสอนครับ เจาะลึกเรื่อง Preflight โดยเฉพาะ
สำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับ PDF/X กับ Adobe CS2 ที่ผมได้อธิบายมาตั้งแต่ต้น น่าจะเป็นแนวทาง ให้ผู้ออกแบบสิ่งพิมพ์ หรือผู้ประกอบการทางด้านการพิมพ์ มีการตืนตัวและให้ความสนใจเกี่ยวกับการสร้างไฟล์ PDF/X เพราะจะเห็นพัฒนาการของไฟล์ PDF/X เริ่มมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น รวมถึงการสร้างไฟล์ PDF/X ก็สามารถทำได้ง่ายขึ้นด้วย ถ้าคุณทำความเข้าใจกับมันให้ดี แล้วรับรองว่างานของคุณจะมีปัญหาน้อยลง ถ้าคุณสนใจเกี่ยวกับข้อมูล PDF/X เพิ่มเติม

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.pdfthai.com/

11/07/2556

รีเซ็ท iPhone4 แล้วเข้า 3g ไม่ได้

รีเซ็ท iPhone4 แล้วเข้า 3g ไม่ได้

หากท่านใดที่ได้รีเซ็ตโทรศัพท์ iPhone ของคุณแล้วพบปัญหาไม่สามารถใช้ 3G ได้ แต่สามารถเชื่อมต่อ Wifi ได้ปรกติ
มีขั้นตอนง่ายๆ
เพียงแค่คุณไป reset internet ใน iPhone ของคุณ ปิดและเปิดเครื่องใหม่แค่นี้คุณก็สามารถกลับไปใช้ 3G ได้ตามปรกติ

11/01/2556

รับทำ Google Adwords

รับทำ Google Adwords

99% ของคนที่ใช้อินเตอร์เน็ตหาสินค้าและบริการจาก Google
คุณจะพลาดโอกาสแค่ไหนหาก สินค้าและบริการของคุณไม่ถูกพบจากคนที่ต้องการซื้อและหาข้อมูล
ผ่านอินเตอร์เน็ต การติดหน้าแรกGoogle ช่วยเพิ่มยอดขายของคุณได้

รับทำadwords ในเครือข่ายการค้นหาต่างๆ
Google มีเครือข่ายการค้นหาและการแสดงผลโฆษณาให้คุณ          
ที่ครอบคลุม การแสดงผล และการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ได้ (display content) โดยสามารถเลือกเจาะจง
เฉพาะเว็บไซต์  หรือตั้งการแสดงผลแบบอัติโนมัติ โดยจะเลือกการแสดงผลให้ใกล้เคียงกับ สินค้าเเละคำค้นหาที่ใช้อยู่มากที่สุด.

รับทำ Adwords (display Ad) Google มีผลิตภัณฑ์ ซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่เชื่อมโยงกัน      
ซอฟต์แวร์ต่างๆของ กูเกิลเป็นผลิตภัณฑ์ ที่ให้ ใช้งานฟรี และผ่านการทำงานของระบบกูเกิล เช่น
G-mail, Google talk,google earth google  Docs youtube ซึ่งเชื่อมโยงโฆษณาให้คุณ

รับโฆษณาเว็บ ออนไลน์ ในหน้า google

Google Adwords มีความยืดหยุ่นสูง ปรับได้ตามความต้องการ
สามารถเพิ่ม,ลดคำค้นหาได้ตลอดเวลา ปรับเปลี่ยนคำโฆษณาได้ กำหนดเป้าหมายทางภูมิศาสตร์ได้
ปรับเปลี่ยนเวลาการแสดงผล เพื่อให้ทุกคลิกที่เกิดขึ้นเป็นคลิกที่มีคุณภาพที่สุด

ติดต่อ 086-339-5328
อรรถพร


วิธีปลดล็อก iPhone หากลืมรหัสผ่าน iPhone

iOS: ลืมรหัสผ่านหรืออุปกรณ์ปิดใช้งานหลังจากป้อนรหัสผ่านผิด

เมื่อคุณตั้งค่ารหัสผ่านเพื่อรักษาความปลอดภัยในการใช้งาน iPhone, iPad หรือ iPod touch ของคุณ แต่คุณป้อนรหัสผ่านผิด คุณอาจเห็นข้อความว่าอุปกรณ์ของคุณ "ปิดใช้งาน" เรียนรู้สิ่งที่ควรทำหากคุณลืมหรือจำรหัสผ่านของคุณไม่ได้ หรือหากอุปกรณ์ของคุณแสดงข้อความว่าปิดใช้งาน

หากคุณป้อนรหัสผ่านผิดหกครั้งขึ้นไป คุณจะเห็นหนึ่งในข้อความต่อไปนี้:
  • iPhone ปิดใช้งาน
  • iPad ปิดใช้งาน
  • iPod touch ปิดใช้งาน
หากคุณเชื่อมข้อมูลอุปกรณ์ของคุณก่อนหน้านี้ด้วย iTunes คุณอาจจะสามารถรีเซ็ตรหัสผ่านด้วยการกู้คืนอุปกรณ์ได้:
  1. เชื่อมต่ออุปกรณ์กับคอมพิวเตอร์เครื่องที่คุณใช้เชื่อมข้อมูลและเปิด iTunes ตามปกติ
    หมายเหตุ: หาก iTunes ขอให้คุณป้อนรหัสผ่าน ลองใช้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นที่คุณเคยเชื่อมข้อมูลแล้ว หรือ ไปที่ส่วน "หากคุณไม่เคยเชื่อมข้อมูลอุปกรณ์ของคุณด้วย iTunes หรือคุณไม่สามารถเข้าใช้งานคอมพิวเตอร์ได้" ด้านล่าง
  2. หากอุปกรณ์ยังปิดใช้งานอยู่ หรือหาก iTunes ไม่ได้เชื่อมข้อมูลอุปกรณ์ของคุณโดยอัตโนมัติ โปรดเชื่อมข้อมูลอุปกรณ์กับ iTunes
  3. หากคุณเคยเลือกที่จะเข้ารหัสข้อมูลสำรองของคุณ ข้อมูลสำรองนั้นจะมีรหัสผ่านอยู่ โปรดปิดใช้งานการเข้ารหัสข้อมูลสำรองก่อนจะกู้คืนจากข้อมูลสำรอง เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลสำรอง iOS ใน iTunes
  4. เมื่อสำรองข้อมูลและเชื่อมข้อมูลเสร็จแล้ว เลือก กู้คืนจากข้อมูลสำรอง และเลือกข้อมูลสำรองล่าสุดของอุปกรณ์

หากคุณไม่เคยเชื่อมข้อมูลอุปกรณ์ของคุณด้วย iTunes หรือคุณไม่สามารถเข้าใช้งานคอมพิวเตอร์ได้

หากคุณเห็นหนึ่งในการเตือนต่อไปนี้ คุณจำเป็นต้องลบอุปกรณ์:
"iTunes ไม่สามารถเชื่อมต่อ [อุปกรณ์] นี้ได้เพราะเครื่องล็อกอยู่ด้วยรหัสผ่าน" คุณต้องป้อนรหัสผ่านบน [อุปกรณ์] ก่อนจึงจะสามารถใช้กับ iTunes ได้
"คุณยังไม่ได้เลือกที่จะให้ [อุปกรณ์] ไว้ใจคอมพิวเตอร์เครื่องนี้"
หากคุณเปิดใช้งาน ค้นหา iPhone ของฉัน คุณสามารถใช้ การลบล้างระยะไกล เพื่อลบเนื้อหาอุปกรณ์ของคุณ หากคุณใช้ iCloud เพื่อสำรองข้อมูล มาตลอด คุณอาจสามารถกู้คืนข้อมูลสำรองล่าสุดเพื่อรีเซ็ตรหัสผ่าน หลังจากอุปกรณ์ถูกลบแล้วได้
หรือ ให้ตั้งค่าอุปกรณ์ในโหมดการกู้คืนและกู้คืนเพื่อลบอุปกรณ์นั้น:
  1. ถอดสายเคเบิล USB ออกจากอุปกรณ์ แต่ปล่อยให้ปลายสายอีกด้านหนึ่งเชื่อมต่อกับพอร์ต USB ของคอมพิวเตอร์
  2. ปิดอุปกรณ์: กดปุ่ม พักหรือปลุก ค้างไว้สองสามวินาทีจนกว่าแถบเลื่อนสีแดงจะปรากฏ จากนั้นเลื่อนแถบเลื่อน รอให้อุปกรณ์ปิดเครื่อง
  3. ในขณะที่กดค้างปุ่มโฮม ต่อสายเคเบิล USB กับอุปกรณ์อีกครั้ง อุปกรณ์ควรจะเปิดขึ้น
  4. กดปุ่มโฮมค้างต่อไปจนกว่าคุณจะเห็นหน้าจอ เชื่อมต่อ iTunes
  5. iTunes จะเตือนคุณว่าตรวจพบอุปกรณ์ในโหมดการกู้คืน คลิก ตกลง แล้วจึงกู้คืนอุปกรณ์

ข้อมูลเพิ่มเติม

เรียนรู้เกี่ยวกับ การตั้งค่าและการใช้รหัสผ่าน
หมายเหตุ: คุณสามารถกำหนดอุปกรณ์ของคุณให้ลบตนเอง หลังจากพยายามใส่รหัสผ่านผิดติดต่อกันสิบครั้ง การตั้งค่านี้จะปิดไว้ เป็นค่าเริ่มต้น คุณสามารถเปิดได้ด้วยการแตะ การตั้งค่า > ทั่วไป > การล็อกรหัสผ่าน

10/21/2556

เวลาพิมพ์แล้วตัวหนังสือที่ตามหลังมันหายไป

เวลาพิมพ์แล้วตัวหนังสือที่ตามหลังมันหายไป


เพราะไปโดนปุ่ม Insert หรือเปล่าคับ
แนะนำให้ลองกดปุ่ม Insert 1 ครั้ง

10/11/2556

วิธีเช็คประกันสินค้า Apple [iPhone,iPad,iPod,Mac]

วิธีเช็คประกันสินค้า Apple [iPhone,iPad,iPod,Mac]

ขั้นตอนการเช็คประกันสำหรับ Apple iPhone , iPad , iPod มีขั้นตอนง่ายๆดังต่อไปนี้ครับ

กรณี iPhone ทุกรุ่น

1. เข้าหน้าโทรศัพท์กดตามนี้ *#06# จะได้เลขทั้งหมด 15 หลักมาจดไว้ก่อน
2. เข้าเว็ป Apple เพื่อเช็คประกันที่นี้ >> เว็ปเช็คประกัน Apple
3. นำเลขของ iPhone ทั้ง 15 หลักใส่ลงไปแล้วกด Continue



4. จะมีการแจ้งระยะเวลาการรับประกัน , สิ้นสุดเมื่อไรทันทีครับตามภาพครับ

กรณี iPad,iPod ทุกรุ่น

1. พลิกด้านหลัง iPad แล้วดูข้างล่างบรรทัด IEMI
2. เข้าเว็ป Apple เพื่อเช็คประกันที่นี้ >> เว็ปเช็คประกัน Apple
3. นำเลข IEMI ของ iPad ทั้ง 15 หลักใส่ลงไปแล้วกด Continue




4. จะมีการแจ้งระยะเวลาการรับประกัน , สิ้นสุดเมื่อไรทันทีครับตามภาพครับ

กรณีพิเศษ ถ้าหากอยากรู้ว่าเป็นเครื่องศูนย์ใด ?

ท่านต้องทำการสุ่มโทรไปเองเพราะปัจจุบันหน้าเว็ปหลักของ Apple ไม่สามารถที่จะระบุบประกันว่าเป็นของเครือข่ายไหนได้ และทุกเครือข่ายที่เราทำการติดต่อเข้าไปจะทำการขอ IEMI โดยการกดดู IEMI นั้นทำได้ด้วยการเปิดเข้าหน้าโทรศัพท์แล้วกด *#06# จะได้ IEMI ของเครื่องเราครับ

1. AIS Call 1175 แล้วทำการบอก IEMI 15 หลักไป
2. Dtac Call 1678 แล้วทำการบอก IEMI 15 หลักไป
3. True Call 1331 แล้วทำการบอก IEMI 15 หลักไป
4. Apple Store Call 001-800-65-6957 แล้วทำการบอก IEMI 15 หลักไป

สนับสนุนเนื้อหา: Dr.Bia

10/08/2556

ร่วมแสดงความคิดเห็นในประเด็นโครงการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์

ร่วมแสดงความคิดเห็นในประเด็นโครงการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์
จากกรณีโครงการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ที่เป็นประเด็นร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ ได้จัดโครงการการสำรวจความคิดเห็นออนไลน์ของประชาชนขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกท่านได้ร่วมแสดงความคิดเห็นของตน
เพื่อร่วมเป็นหนึ่งในกระบอกเสียง ให้ความเห็นของท่านสะท้อนสู่สื่อประชาสัมพันธ์ สื่อสังคมออนไลน์และภาครัฐต่อไป

จึงขอความร่วมมือจากท่านกรุณาช่วยตอบแบบสำรวจ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณท่านเป็นอย่างสูง

เข้าร่วมตอบแบบสอบถาม ลิ้งค์ของแบบสอบถาม




10/03/2556

ใครที่สงสัยว่าเมนูหน้าแรกด้านบนซ้ายของGoogle หายไปไหนไม่ต้องตกใจ


ใครสังเกตุบ้าง ว่าหน้าตากูเกิ้ล ปรับปรุงใหม่บ้างไหม

เนื่องด้วยเพื่อการปรับปรุงเว็บไซต์ของgoogle นั้นเพื่อต้องการให้แสดงผลบนสมาร์ทโฟนได้ง่ายขึ้น
จึงทำให้ หน้าแรกการค้นหาของ Google ปรับเปลี่ยน จากเมนูที่เรียงอยู่ด้านมุมบนซ้ายมือ เปลี่ยนย้ายมาจัดอยู่ในกลุ่มด้านมุมบนขวามือแทนเพื่อง่ายต่อการใช้งานบนสมาร์ทโฟน

ใครที่สงสัยว่าเมนูหน้าแรกด้านบนซ้ายของGoogle หายไปไหนไม่ต้องตกใจนะครับ

9/06/2556

วิธีดาวน์โหลดรูปจากเฟสบุ๊ค(facebook)ทั้งอัลบั้ม

ถ้าอยากได้รูปเพื่อนทั้งอัลบัมไปขอเค้าตรงๆ จะดีทีสุด แต่ถ้าใครไม่อยากขอแต่อยากจะเก็บเอารูปสาวๆ หนุ่มๆ มาเก็บไว้ดูเล่นในเครื่องดูเองก็มีวิธีอยู่เหมือนกัน

ก่อนจะบอกอยากจะได้รูปใครได้เป็นไปได้ไปขอเจ้าของก่อนซักนิดนึงละกัน แต่ถ้าเป็นไปไม่ได้ก็ชั่งมัน
มีอยู่ข้อแม้นึง คนที่เราจะดาวน์โหลดรูปมาได้ จะต้องเป็นเพื่อน เป็นกลุ่มที่เราอยู่ หรือเป็น Fan page เรา
เริ่มกันเลย
1.ไปที่เว็บ http://www.picknzip.com พอเข้ามาในเว็บแล้วเลือก "Login with Facebook" ด้านบน



2.หลังจากกดปุ่มดังกล่าวแล้ว Facebook จะแจ้งว่ามี App ที่จะเข้ามาถึงข้อมูลส่วนตัวเราได้นะ จะอนุญาติให้ใช้งานไหม เราก็อนุญาติซะ โดยกดปุ่ม "Allow" ด้านล่าง




3.คราวนี้ก็เลือกเพื่อนที่เราต้องการจะโหลดรูปในช่องด้านซ้าย (Friends) หากต้องการโหลดรูปจากหน้ากลุ่มที่เราเป็นสมาชิกอยู่ก็เลือก Group หรือ PAGES เป็นรูปจากหน้าแฟนเพจเรา




4.มองดูในช่องซ้าย ก็จะมี ตัวเลือกต่างๆ ให้เราได้เลือกได้ ไม่ว่าจะโหลดที่ละอัลบัม หรือโหลดเฉพาะรูปที่เราเลือกได้



5.จุดเด่นจริงๆ ของโปรแกรมนี้อยู่ที่สามารถโหลดรูปทั้งหมด รวมถึงรูปที่เพื่อนเราถูก tag มาเก็บไว้ได้ โดยให้เรากดที่แท็บ "download" ด้านบน แล้วเลือกที่ "Download All photos" แล้วรอจนโปรแกรมทำงานเสร็จ

6.หลังจากนั้นให้เลือก Save ตรงนี้สำคัญ ไม่รู้ว่าเป็น Bug หรืออะไร เพราะในช่อง Save as type ไม่สามารถเลือกได้ เพราะฉะนั้น ในช่อง File name ให้เราพิมพ์ ".zip" ต่อท้ายชื่อที่เราตั้งด้วย




7.หลังจากนั้นเราจะได้ไฟล์ zip มาไฟล์นึง ให้ Extract ดูจะรู้ว่าแหล่มมาก รูปทุกรูปใน Facebook เพื่อนเราจะถูกจัดใส่ Folder มาให้อย่างดีWeb App ตัวนี้เจ๋งสุดแล้ว เพราะใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา และง่าย จะมีปัญหาก็คือไม่รองรับภาษาไทยเท่านั้นเอง



9/05/2556

6 ขั้นตอนการให้บริการ Google Adwords

6 ขั้นตอนการให้บริการ

ขั้นตอนที่ 1 
แจ้งชื่อเว็บไซต์ของคุณหากคุณไม่มี Website กรุณากดที่นี่!เริ่มแรกหากต้องการลงโฆษณา Google Adwords คุณจำเป็นต้องมี Website / Blog อยู่แล้ว เช่น www.ads-now.com ถึงสามารถขายสินค้า – บริการบนโลกออนไลน์ได้ โดยในเบื้องต้นเราจะทำการตรวจสอบข้อมูลใน Website ว่าธุรกิจของท่านมีข้อมูลต้องปรับแก้เรื่องใดบ้าง  สำหรับท่านที่ยังไม่มี Website สามารถติดต่อเราได้นะคะ



ขั้นตอนที่ 2 
บอกความต้องการของคุณว่าต้องการโฆษณาด้วยจุดประสงค์ใด
หากคุณมีความต้องการ 1.โปรโมทสินค้า 2.โปรโมท Brand ให้เป็นที่รู้จักสามารถแจ้งเราได้เพื่อทางเราสามารถแนะนำข้อมูลท่านได้อย่างถูกต้องและตรงตามความต้องการนะคะ สำหรับบางท่านอาจมี Keyword หรือ คำค้นที่ต้องการอยู่แล้ว สามารถแจ้งเราได้ เราจะแนะนำว่าคำที่ท่านจะใช้นั้นมีการแข่งขันมากน้อยแค่ไหนค่ะ บางท่านต้องการเปิดโฆษณาช่วงเวลาทีกำหนด หรือ เปิดโฆษณาบางจังหวัด หรือ เปิดโฆษณาทั่วโลก และข้อมูลที่จำเป็นสำหรับธุรกิจของท่านกรุณาแจ้งเรานะคะ

ขั้นตอนที่ 3
แนะนำค่าใช้จ่ายและชำระเงินหากคุณยังไม่ทราบราคา Package กดที่นี่!ราคาค่าใช้จ่ายนั้น ทาง Ads-Now ได้คิดค่าบริการโดยแบ่งตามลำดับขั้นของงบประมาณที่ทางผู้ประกอบการมีอยู่ และราคาแต่ละ Package นั้นเราจะมีบริการเสริมที่แตกต่างกัน เพราะในแต่ละผู้ประกอบการอาจต้องการข้อมูลไม่เท่ากัน โดยผู้ประกอบการบริษัทใหญ่ส่วนใหญ่ต้องการการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีความละเอียดสูง หากเลือก package ค่าบริการแล้วสามารถแจ้งข้อมูลกับทางเราได้เลยค่ะ

ขั้นตอนที่ 4
ทำการตั้งค่า แสดงโฆษณาของคุณบน Googleเมื่อเราทราบความต้องการและทางผู้ประกอบการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว และมีการแจ้งชำระเงินมาที่เรา ทางเราจะรีบดำเนินการ สร้างแคมเปญโฆษณา ให้ตรงตามความต้องการ และเตรียมรายงานที่ท่านต้องการเพื่อทำการส่งทุกสัปดาห์  [[[สำหรับบาง Website อาจใช้เวลาในการตรวจสอบข้อมูลให้มีความถูกต้องตาม Policy ของทาง Google ทาง Google จะช่วยแนะนำให้ปรับเว็บไซต์ให้ได้มาตรฐานทำให้เว็บไซต์ดูน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วยค่ะ]]]


ขั้นตอนที่ 5
 แนะนำและปรับปรุงข้อมูล หากท่านมีความต้องการเพิ่มเติม
เมื่อโฆษณาแสดงผลแล้วทางผู้ประกอบการอาจมีข้อมูลเพิ่มเติมตรงนี้สามารถแจ้งเราได้ตลอดทุกวัน เราจะแนะนำตามความเหมาะสม หากข้อมูลที่ได้มีการประเมินกันว่าจะมีผลดี เห็นชอบร่วมกันแล้วเราจะดำเนินการปรับข้อมูลตามความต้องการนั้นทันทีค่ะ


ขั้นตอนที่ 6
 ส่งรายงานให้ท่านทุกๆ 1 สัปดาห์ เมื่อครบกำหนดทุกสัปดาห์เราจะมีข้อมูลรายงานข้อมูลสำคัญที่ท่านต้องการทราบ โดยลักษณะข้อมูลรายงาน จะเป็นดังนี้ >> วิธีการดูรายงาน Google Adwords

ติดต่อเราได้ที่ Email : hokcamain1@hotmail.com
หรือโทร 086-339-5328
อรรถพร

8/09/2556

วางแผนเปิดร้านอาหารสำหรับมือใหม่

วางแผนเปิดร้านอาหารสำหรับมือใหม่

การออกจากงานมาเป็นนายของตัวเองเปิดร้านกาแฟน่ารักฯ ร้านก๋วยเตี่ยว ร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ ฯลฯ ถือเป็นความฝันของคนยุคนี้เลยทีเดียว แต่จากสถิติพบว่าร้อยละ 90 ของกิจการที่เปิดใหม่มักปิดตัว(เจ้ง) ในปีแรกและที่เหลืออีก 10% มีรอดเกิน 5 ปีเพียง 1% จากประสบการที่เคยเปิดร้านอาหารและอยู่ในกลุ่ม 90% หรือเรียกว่าเจ้งนั่นเองตอนตัดสินใจเซ้งร้านก็มานั่งคิดว่าจะทำต่อหรือไม่ ดูไปดูมาที่ร้านไม่มีความสามารถในการแข่งขันเพราะไม่ได้คุม Core ของธุรกิจคือเรื่องคน(พ่อครัว) เพราะผมทำอาหารเองไม่ได้และไม่มีเวลาอยู่ร้านตลอดเวลาด้วยต้องจ้างพ่อแล้วแม่งก็กวนตีน ตื่นสาย เปิดร้านก็สาย รสชาติไม่สม่ำเสมอ มันใจตัวเองสูงไม่ค่อยทำตามกลยุทธ์ของร้านทั้งเรื่องรสชาติและปริมาณ ส่วนเรื่องอื่นพอคุมได้ เมื่อคิดได้เยี่ยงนี้ก็ต้องถอยเซ้งร้านถูกๆแบบไม่เสียดายเงินลงทุน

แม้ว่าจะเสียเงินไปเยอะแต่สิ่งที่ได้คือความเข้าใจเรื่องธุรกิจว่าความสามารถในการแข่งขันของกิจการสำคัญกับความอยู่รอดของกิจการขนาดไป และเรื่อง flow ของธุรกิจทุกขั้นตอนตั้งแต่วัตถุดิบเอามาผลิตเป็นสินค้าจนขายได้เงินหมุนอย่างนี้ทุกวันและเรื่องจากสมัยก่อนที่ทำงานก็จะรับผิดชอบเป็นแผนกๆไปทำให้มองภาพรวมไม่ออก มาทำตรงนี้ถึงได้รู้ ก็ได้ความรู้เรื่องนี้แหละที่เอามาต่อยอดใช้ในการวิเคราะห์หุ้น ซึ่งปกติผมจะลงทุนแบบ value investment มีแนวคิดเหมือนเราเป็นเจ้าของกิจการหาหุ้นที่มีความสามารถในการแข่งขันในราคาที่ปลอดภัยแล้วก็ถือยาวๆ ส่วนความรู้เริ่องการจัดการร้านเดี๋ยวเอาแชร์กันที่บล็อกนี้ครับ


สำหรับคนที่มีความคิดอยากลาออกจากงานมาเป็นเจ้าของกิจการไม่ว่าจะเป็นเปิดร้านอาหาร ร้านการแฟน่ารักๆ ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านอาหารตามสั่ง ฯลฯ ก่อนจะลงทุนให้ถามตัวเองดังๆก่อนเลยว่า


"รับความเสี่ยงได้แค่ไหน?"


ทำธุรกิจส่วนตัวสมัยนี้ถ้าฝีมือไม่ถึงทุนไม่พออยู่รอดยากครับ โดยเฉพาะช่วงเริ่มต้นทุกอย่างต้องทำเองหมดต้องใส่ใจทุกรายและเอียดกว่าระบบจะอยู่ตัวก็หลายเดือน ไม่เหมือนลงทุนในหุ้นที่บริษัทเขาทุนหนากว่า ฐานลูกค้าสะสมมาเยอะกว่า ระบบการบริหารจัดการดีกว่า ฯลฯ ถ้ารับความเสี่ยงตรงนี้ไม่ได้ก็กลับบ้านไปไม่ต้องทำ เหนื่อยเปล่า เสียเงิน เสียเวลา ปวดกระบาลด้วย

ขั้นตอนการวางแผนธุรกิจร้านอาหาร

เมื่อตัดสินใจลาออกจากงานมาทำธุรกิจส่วนตัว คุณจะได้สวมหมวก CEO ในทันที CEO จะคิดแบบลูกจ้างเหมือนเดิมไม่ได้แล้วเพราะอนาคตของกิจการทุกอย่างจะขึ้นกับการตัดสินใจของคุุณ คนเป็นผู้บริหารมีหน้าที่ 3 อย่างคือ การวางแผน (Planning) การควบคุม(Controlling)ให้เป็นตามแผน และการติดตาม (Monitoring) งานเรื่อยๆไม่ใช่สั่งทิ้งสั่งขว้าง สำหรับหน้าที่ของ CEO ก็คือการบริหารกิจการให้มีกำไร กำไรก็คือยอดขายหักด้วยต้นทุน เวลาทำธุรกิจรายได้มันมีแค่บรรทัดเดียวแต่รายจ่ายมีเป็นร้อยบรรทัด กว่าจะเหลือเป็นกำไรในบรรทัดสุดท้ายของงบกำไรขาดทุนแทบ Shock


การวิจัยตลาดแบบเบื้องต้น

ก่อนเปิดร้านอาหารทำการบ้านนิดนึงหาเวลาว่างๆซักวันนั่งเล่นใจเย็น
Competitor ไปเดินเล่นแถวๆนั้นให้ทั่วๆดูว่ามีคู่แข่งกี่เจ้า ขายอะไรบ้าง กลยุทธ์การตลาดเป็นอย่างไรมันเล่นกันแรงแค่ไหน
 Competitive การแข่งขัน ถ้าธุรกิจแข่งขันกันรุนแรงมากเขาเปรียบเหมือน red ocean หรือน่านน้ำสีแดง แต่ละรายเลือดสาดกระจุย ทำไปกำไรไม่ค่อยมี เปิดร้านอาหารผมว่าแข่งขันกันสูงนะ เพราะมันเปิดงายเหลือเงินใช้เงินลงทุนไม่เยอะมาก เงินหมุนเวียนก็ซื้อของเข้าร้านวันต่อวัน ลูกค้าก็เลือกได้ไม่กินร้านนี้ก็ไปกินร้านอื่นได้อิ่มเหมือนกันอย่างตอนทำร้านวันเสาร์อาทิตย์จะขายดีเพราะร้านคู่แข่งปิดหมด 555
 Custommer ลูกค้า ก่อนเปิดร้านคุณรู้จักลูกค้าดีแค่ไหน ไหนๆจะเสียเงินแล้วเสียเวลาซักวันสองวันไปนั่งวิจัยลูกค้าหน่อยครับ
- ปริมาณคนเดิน อาจจะวัดเป็น คน/ชั่วโมง
- คนเยอะช่วงเวลาไหน วันนึงจะมีเวลาทำเงินทำทองอยู่ไม่กี่รอบครับแต่ละรอบพฤติกรรมไม่เหมือนกัน ด้วย กินตอนเช้ากับตอนเย็นก็ไม่เหมือนกัน
- สถานภาพ เพศ อายุ การศึกษา ฯลฯ เพราะแต่ละกลุ่มพฤติกรรมไม่เหมือนกันครับ
- พฤติกรรมลูกค้า ดูว่าคนส่วนใหญ่ทำอะไร เดินผ่านแบบเร็วๆจะรีบกลับบ้าน ค่อยๆเดินช็อบไปเรื่อย ฯลฯ
 Company มาดูที่ตัวเราว่ามีจุดแข็งจุดออนอะไร มีอะไรดีไปแข่งกับเขาบ้าง
กำหนดกลยุทธ์

นั่งดูไป 2-3 วันก็จะเริ่มรู้ว่าตลาดเป็นอย่างไร ลูกค้ากลุ่มไหนที่น่าสนใจที่จะดูดเงินได้ และตัวเรามีจุดแข็งที่คู่แข่งลอกเลียนได้ยากๆไปสู้เขาได้ เลือกลุ่มนั้นแหละ กลยุทธ์หลักตามตำราที่เขาสอนกันก็มีดังนี้
ต้นทุนต่ำ (cost Leadership Strategy) กำไรต่อหน่วยน้อยแต่เน้นขายปริมาณเยอะๆตัวอย่าง ร้านหมูทอดเจ้จง หลัง lotus พระราม4 ขายยังจะแจกฟรี เพราะพี่แกขายถูกมากบวกกำไรจิ้ดนึง ของแถมไม่อั้นทั้งน้ำจิ้ม น้ำพริก ผักแกล้ม เติมข้าวได้ไม่อั้น โคตรคุ้ม
เน้นความแตกต่าง (Differantation Strategy) อย่าทำอะไรให้เหมือนชาวบ้าน ที่เยาวราชมีร้านโต๊ะจีนอยู่ร้านนึงทั้งร้านมีโต๊ะเดียว รับแค่วันละโต๊ะด้วยแต่คนจองกันเป็นปี

จากกลยุทธ์สู่การปฎิบัติ
ส่วนใหญ่เวลาคนคิดจะเปิดร้านอาหารก็จะมองแค่การตลาด จะแต่งร้านอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เวลาทำจริงๆกว่าของจะออกจากครัวมันมีหลายส่วนงานที่ต้องทำงานเชื่อมโยงกัน  ลองดูวิดิโอข้างล่างจะเป็นการบรรยายเรื่อง Supply chain ตั้งแต่วัตถุดิบ ส่งไปผลิด จนออกมาเป็นสิ้นค้า และกระจายไปถึงผู้บริโภคว่าต้องผ่านผู้เกี่ยวข้องหลายส่วน และแต่ละส่วนก็เป็นต้นทุนทั้งนั้น นักลงทุนมือใหม่จะไม่ค่อยรู้กว่าจะจับจุดได้จนอยู่ตัวก็หลายเดือน ไม่เหมือนพ่อค้าแม่ค้าที่ขายมานานเขาเล่าได้เป็นฉากๆเลยว่าทำอะไรบ้าง





แนวคิด value chain analysis ของเฮีย Michael E. Porter เครืองมือนึงที่นำมาใช้ในการวางแผนเปิดร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือธุรกิจอื่นๆได้และครบประเด็น แนวคิดแห่งห่วงโซ่แห่งคุณค่านี้แสดงให้เห็นถึง “ คุณค่า(value)” ทั้งหมดที่องค์กรมอบให้แก่ลูกค้าและลูกค้ายอมจ่ายก็คือกรอบนอก(มองเป็นยอดขายก็ได้) ส่วนกรอบในก็คือต้นทุนจากการดำเนินกิจกรรมต่างๆภายในองค์กร หักลบกันก็จะได้กำไร (Margin) ถ้ากิจกรรมไม่ทำงานสัมพันธ์กันเป็นทิศทางเดียวกันถึงขายของได้แต่ Margin ก็ไม่ค่อยมี วิธีใช้ก็ใ้ช้กรอบนี้ในการวางแผนแต่ละกิจกรรมให้สอดคล้องเป็นเนื้อเดียวกับที่วางกลยุทธ์ไว้ โดยที่กิจกรรมแบ่งออกได้ 2 ประเภท
1. กิจกรรมหลัก / กิจกรรมพื้นฐาน
2. กิจกรรมสนับสนุน


value chain analysis
http://www.provenmodels.com

1. กิจกรรมหลัก

1.1 Inbound Logistics ก็คือกิจกรรมการเคลื่อนย้าย จัดเก็บ รวบรวม และกระจาย วัตถุดิบมาที่ร้านของเราเป็นเรื่องที่ต้องคิดและตัดสินใจว่าจะทำกิจกรรมพวกนี้ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างไร เพราะทำร้านอาหารก็ต้องไปซื้อของเกือบทุกวัน ค่ารถ ค่าเก็บรักษาวัตถุดิบก็มีให้จ่ายได้ทุกวัน วันละนิดๆหน่อยๆเดือนนึงเยอะ กลยุทธ์การจัดการเรื่อง Inbound Logistics ของพ่อค้าแม่ขายที่เห็นตอนทำร้านก็ประมาณนี้
    1.1.1 ไปซื้อที่เดียว อาจจะเป็นที่ตลาดแ้ล้วขนมาเอง หรือสั่งกับพ่อค้าที่รับจ้าง shoping แล้วส่งให้เราที่ร้านทุกวัน ซื้อแบบนี้ก็อาจจะแพงกว่านิดนึงแต่สะดวกกว่า ประหยัดค่ารถ และค่าเสียเวลาที่จะไปซื้อตามแหล่งต่างๆ ตลาดใหญ่ๆที่ของครบราคาไม่แพงที่แม่ค้าชอบไปซื้อกันที่รู้จักในโซนบ้านผม ตลาดห้วยขวาง กับตลาดคลองเตยตอนทำร้าน(ร้านทำเลอยู่หน้าม.หอการค้า ลูกค้าหน้าตาดีพ่อค้าก็มีกำลังใจทำของอร่อยๆให้กินวิ้ว) ทุกเช้าก็ไปซื้อวัตถุดิบที่ตลาดห้วยขวางครับของเยอะดี เครื่องก๋วยเตี๋ยวไม่ค่อยหนักก็ขับมอเตอร์ไซด์ขนไปรอบเดียวได้ของมาเปิดร้านครบเลย
 ร้านสลัดกับร้านน้ำปั่นข้างๆมีผักผลไม้ที่หนักๆเปลืองเนื้อที่เยอะก็ต้อง จ้าง 3 ล้อมาที่ร้าน แค่ตลาดห้วยขวางมาหน้าม.หอการค้ามันคิด 40 บาทขนทุกวันแล้วคิดดูว่าเดือนนึงค่าใช้จ่าย Inbound Logistics เท่าไร

   1.1.2 ไปซื้อตามแหล่งถูกๆ แม่ค้าพวกนี้ชอบของถูกร้านไกลแค่ไหนก็ถ่อสังขารไป กาแฟปากซอยที่ผมขอบเดินไปกินทุกเช้า เขาจะมีแหล่งวัตถุดิบถูกๆของเขา ว่าแก้วไปซื้อตรงนี้ เมล็ดกาแฟสั่งตรงนั้น นมซื้อที่นูนฯลฯ ประหยัดต้นทุนได้แต่ต้อง trade off กับต้นทุน Logistics เพราะต้องเสียค่ารถในซื้อหลายที่ ไปซื้อบ่อยก็ไม่ได้ต้องซื้อของมาตุนไว้เยอะๆ เงินจมค่าของอีก


อีกเรื่องนึงที่ต้องคิดคือของมาถึงร้านแล้วจะจัดเก็บวัตถุดิบอย่างไรให้ดูสดก่อนถึงมือลูกค้า เพราะสินค้าในหมวดอาหารเป็นสินค้าที่เน่าเสียได้ถ้าของค้างไว้นานเอามาทำมันจะไม่อร่อย ถ้าตามร้านทั่วไปจะจัดเกับในถังน้ำแข็ง บางร้านก็มีสองถังคือถั่งใส่น้ำแข็งสำหรับให้ลูกค้ากินในร้าน กับถังใส่น้ำแข็งสำหรับแช่ของ น้ำแข็งถุงนึงก็ 40 บาทต้องซื้อทุกวันเดือนนึงก็...

1.2 การผลิตออกมาเป็นสินค้าหรือบริการ(Operations)
รูปแบบร้านอาหารจะมี 2 แบบคือ
ผลัก (Push) ให้นึกถึงร้านข้าวแกง คือทำเตรียมไว้ก่อนแล้วก็ผลักใส่ไล่ส่งไปให้ลูกค้า ขายไม่หมดก็ทิ้ง ขายข้าวแกงจะเหนื่อยตอนเตรียมแต่มันส์ตอนขายเราะตักขายอย่างเดียว
ดึง (Pull) ให้นึกถึงร้านก๋วยเตียว ร้านกาแฟ ที่พอมีคนสั่งถึงค่อยทำให้ลูกค้า ร้านแบบนี้ตอนเตรีมของไม่ค่อยเหนื่อยแต่เหนื่อยตอนทำ เพราะลูกค้าสั่งมาหลากหลายงง


ส่วนยากที่สุดของการผลิตในร้านอาหารไม่ใช่ทำให้อร่อย แต่คือความสม่ำเสมอของรสชาติ ต้องใช้ฝีมือหน้าครัวเยอะครับ ทำตามสูตรเป็ะๆไม่ได้เพราะวัตถุดิบอย่างเดียวกันรสชาติก็ไม่เหมือนกัน อย่างมะนาวคนละลูกก็รสไม่เหมือนกัน หม้อน้ำซุบก๋วยเตียวแต่ละช่วงเวลาก็รสชาติไม่เหมือนกันต้องคอยเอาน้ำใส่หรือปรุ่งเพิ่มเรื่อยๆ


เรื่องความเร็วเป็นเรื่องที่ต้องคอยปรับปรุ่งเรื่อยๆครับ ง่ายๆเลยก็ดูว่าอะไรทำพร้อมกันได้บ้างอย่างลวกก๋วยเตียวทีละกระชอนก็เป็นลวกพร้อมกัน2กระชอน ,หรือว่าลูกชิ้นกับผักลวกเก็บไว้ก่อน,หน้าครัววางเครื่องยังไงให้หยิบเครื่องสะดวก , ทำอย่างไรให้ล้างกระทะเร็วขึ้น เอาหลายๆออเดอร์มารวมๆกันทำทีเดียว ฯลฯ


ธรรมชาติของการผลิตอาหารแต่และประเภทก็กระทบกับต้นทุนด้วยแก้ไม่ได้ ร้านที่ใช้วัตถุดิบร่วมกันได้เยอะก็เหนื่อยน้อยหน่อย เช่นร้านหอยทอดผัดไทย ร้านร้าดหน้าผัดซีอิ้ว พวกนี้เครื่องปรุงเหมือนๆกันซื้อของก้ซื้อทีเดียวเยอะๆประหยัดเงิน ไม่เหมือนพวกร้านอาหารตามสั่ง ร้านส้มต่ำ พวกนี้ใช้เครืองเยอะซื้อทีอย่างละนิดอย่างละหน่อย

1.3 Outbound logistics
กิจกรรมเกี่ยวกับ เคลื่อนย้าย การจัดเก็บ รวบรวม การกระจายสินค้าและบริการที่เสร็จแล้วไปยังผู้บริโภค ถ้าร้านมีสาขาเดียวไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหรแค่คิดว่าจะทำอย่างไรให้รักษาสินค้าให้คงสภาพเดิมได้ก่อนถึงมือผู้บริโภคแล้วกัน อย่างร้านขายหมูปิ้งจะมีปัญหาเรื่องนี้มากเพราะหมูปิ้งเย็นแล้วก็ไม่อร่อย เอาไปอุ่นหมูก็แข็ง ต้องกินร้อนฯ พอเก็บไว้ไม่ได้ก็ไปหนักที่ฝ่ายผลิตต้องวางแผนดีๆ ถ้าปิ้งไว้น้อยไปก็ขายไม่ทัน ปิ้งมากไปก็ของเหลือขายไม่ออก


ถ้ามีหลายสาขาหรือเปิดเฟรนไซน์ ก็ต้องคิดแล้วว่าจะมีครัวกลาง? แล้วส่งอะไรไปให้ร้านสาขา? ร้านสาขาจัดเก็บอย่างไร? อย่างร้านชาย 4 บะหมี่เกี่ยวก็จะมีบริการจัดส่งวัตถุดิบให้ร้านสาขาทุกอาทิตย์ ร้านสาขาก็จะต้องตุนสต็อกเผื่อขายไว้ 1 อาทิตย์ด้วย

ถ้ามีบริการจัดส่งด้วยก็ต้องคิดอีกว่าจะทำอย่างไร ใช้รถอะไรไปส่ง ฯลฯ ใช้เวลาเท่าไรบางร้านก็จะผูกสัญญาใจกับมอเตอร์ไซต์รับจ้างแถวนั้นให้ไปส่ง

1.4 การตลาด และ การขาย (Marketing and sales)
กิจกรรมที่เกี่ยวกับการจูงใจให้ลูกค้าซื้อสินค้าและบริการ เช่น การโฆษณา การส่งเสริมการขาย การเลือกช่องทางการจัดจำหน่าย ความสำคัญคือคุณเจาะลูกค้ากลุ่มไหนก็ต้องทำตลาดให้ตรงกับกลุุ่มลูกค้า ขณะทำร้านก็ต้องคอยสังเกตุพฤติกรรมลูกค้าตลอดว่าคนที่มีกินเป็นกลุ่มไหน เข้ามาร้านแล้วทำอะไร สั่งอะไรเป็นหลัก ฯลฯ

1.5 การให้บริการ (Services)
ทำร้านอาหารถ้าใจไม่รักการบริการก็อย่าทำเลยครับหงุดหงิด

เรื่องการรับ Order สำคัญมากครับถ้าคนรับ Order ดีๆเจ้าของรวย รายการไหนกำไรเยอะๆก็จะเชียร์อันนั้น หรือวัตถุดิบเหลือเยอะๆกลัวเน่าก็เชียร์เมนูนั้นซะหน่อย ลูกค้าสั่งน้อยไปก็เชียร์ให้สั่งเพิ่ม

กระบวนการต่อมาคือการ Order process ต้องส่งต่อข้อมูลไปฝ่ายบัญชี กับครัว และเด็กเสริพ ฝ่ายบัญชีก็เตรียมคิดเงิน ครัวได้ Order มาก็ต้องมาวางแผนการผลิตถ้าร้านใหญ่หัวหน้าพ่อครัวก็จะเป็นคนทำ พออาหารออกจากครัว เด็กเสริพก็ต้องรู้อีกว่าส่งโต๊ะไหน

ระบบที่ต้องออกแบบก็คือ Order-to-Ship เอาของไปหาลูกค้าให้ได้ ร้านPizzaก็จะกำหนด Order-to-Ship ไว้ที่ 20 นาทีถ้าทำไม่ได้ลูกค้าไม่ต้องเสียเงิน ฝ่ายlogistics วิ่งกันหัวปั่น หน้าที่ก็คือ Monitoring Cumminication กันทั้งภายในองค์กร (ไม่มีวัตถุดิบก็ของร้องให้จัดซื้อไปหามา สั่งให้ฝ่ายผลิตผลิตสินค้า) และภายนอกองค์กร (ลูกค้า ฯลฯ)


2. กิจกรรมสนับสนุน (Support activities)

2.1 โครงสร้างธุรกิจ (Firm infrastructure)
ถ้าตามร้านอาหารทั่งไปก็จะจัดหน้าที่เป็น แคชเชียร์ ครัว บาร์น้ำ เด็กเสริพ

2.2 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ (Human resource management)
ทำร้านอาหารเรื่องการจัดการคนสำคัญมากครับโดยเฉพาะพ่อครัวนี่เจ้าปัญหาจริงๆ เจ้าของทำเองไม่เป็นพ่อครัวแม่งต่อรองชิบหายเลย บางทีมาเปิดสายบ้าง โดดงานบ้าง อารมณ์ไม่ดีรสชาติเปลี่ยนไปบ้าง และที่หายากอีกอย่างก็เด็กเสริพ ลองไปดูตามร้านก็ได้ครับคนไทยหายากแระมีแต่แรงงานพม่าทั้งนั้น

2.3 การจัดการเทคโนโลยี (Technology management)
ออกแบบระบบดีข้อมูลก็จะไหลลื่นมากขึ้น อย่าง MK เขาใช่ Poket pc มาใช้รับออเดอร์เหตุผลคือเพื่อให้บริการได้เร็วขึ้นจากแต่ก่อนพอเด็กเสริบรับออเดอร์ยังเดินไปไม่ถึงครัวเลยมีลูกค้ารายใหม่มาสั่งอีก

นอกจากความรวดเร็วแล้วยังช่วยลดความผิดพลาดลงได้ ส่วนใหญ่พอรับออเดอร์เสร็จ ข้อมูลก็จะส่งไปที่ครัวบอกว่าต้องทำอะไรบ้าง และส่งไปที่แคชเชียร์เตรียมคิดเงิน พอครัวทำเสร็จพนักงานก็จะรู้ว่ารายการอาหารนี้ต้องส่งไปที่โต๊ะไหน

2.4 การจัดหาปัจจัยการผลิต (Procurement)
แหล่งซื้อของส่วนใหญ่เขาจะปิดเป็นความลับเลยนะเพราะถ้าเรารักษาความลับไว้ได้คู่แข่งก็ลอกเลียนแบบยาก อย่างบางร้านปัจจัยการผลิตถือเป็นจุดขายของเขาเลย หน้าที่ของเราคือสืบเสาะไปเรื่อยๆ


คิดเสร็จก็ต้องวาง Actionplan
ต่อไปก็มาเขียน action plan ชี้ให้ชัดว่าจะทำอะไร อย่างไร แบ่งให้ใครรับผิดชอบ และจะทำเมื่อไร งบประมาณเท่าไร



เมื่อวางแผนเสร็จแล้วขั้นตอนสุดท้ายคือการลงมือทำตามแผนให้เต็มที่ ผลออกมาจะเป็นไงช่างมัน การยอมรับในผลที่เกิดขึ้นไม่ฟูมฟายเขาเรียก สันโดษครับมีปัญหาก็แก้ปัญหาไป ใช้หลัก PDCA ไปเรื่อยๆครับ แรกๆยังทำงานไม่มีมาตรฐานก็ต้องพยายมสร้างมาตรฐานการทำงาน(work standard)ขึ้นมาและพยายามพัฒนามาตรฐานให้สูงขึ้นเรื่อยๆครับ



ก็หวังว่าบทความนี้คงสร้างประโยชน์ให้ผู้สนใจไม่มากก็น้อยเจริญในการการลงทุนครับ ทำจริงยังมีอะไรมากกว่านี้อีกเยอะครับ

8/03/2556

ร้านนาฬิกาMwatch รับสมัครพนักงานขายประจำสาขาต่างๆ อาทิยูเนี่ยนมอล์ล ลาดพร้าว แพททินั่ม

ร้านนาฬิกาMwatch รับสมัครพนักงานขายประจำสาขาต่างๆ อาทิยูเนี่ยนมอล์ล ลาดพร้าว แพททินั่มและพนักงานประจำบูท หลายอัตรา 
คุณสมบัติ : เพศหญิง หรือชาย อายุ 23-30 ปี ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา รักงานขาย มีความซื่อสัตย์ ขยัน ตรงต่อเวลาและมีความรับผิดชอบ
**ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ แค่มีใจเรียนรู้งานเป็นพอ**

รายได้พนักงานประจำร้านสาขายูเนี่ยนมอล์ล

เงินเดือน 10,000บาท +ค่าคอมมิชชั่น รายได้รวมไม่ต่ำกว่า 12,000บาท ทำงานตามเวลาเปิดปิดห้าง 11.00-21.30 น. 

รายได้พนักงานประจำร้านสาขาแพททินั่ม
 เงินเดือน 10,000บาท +ค่าคอมมิชชั่น รายได้รวมไม่ต่ำกว่า 15,000บาท ทำงานตามเวลาเปิดปิดห้าง

รายได้พนักงานประจำบูท (เป็นงานอีเว้นท์ออกบูทในห้าง ที่ละ 10-15วัน ทุกงานอยู่ภายในกรุงเทพฯ) 
เงินเดือน 10,000บาท +ค่าคอมมิชชั่น ร้อยละ 1 
**กรณีผ่านงาน ได้เลื่อนเป็นหัวหน้าบูท ค่าคอมฯเพิ่มเป็น2เท่า เมื่อได้ยอดตามเป้า**
รายได้รวมไม่ต่ำกว่า 15,000บาท 

สนใจสมัครงานติดต่อ คุณหมู 084 545 1616 

**สำหรับตำแหน่งพนักงาน part time วันละ500บาท สามารถแจ้งวันที่ต้องการทำงาน และสถานที่พักเพื่อหาสาขาที่ใกล้ได้ที่ mwatch_moo@hotmail.com** เฉพาะตำแหน่งนี้งดสอบถามทางโทรศัพท์นะคะ เพราะทางร้านต้องดูตารางงานก่อนถึงจะแจ้งวันที่และสถานที่ทำงานให้ได้ ส่วนตำแหน่งพนักงานประจำ สามารถติดต่อเข้ามาคุยรายละเอียดงานได้ค่ะ

7/31/2556

พัสดุเก็บเงินปลายทาง

พกง. ย่อมาจาก พัสดุเก็บเงินปลายทาง
เป็นบริการที่เพิ่มความสะดวกสำหรับผู้ซื้อสินค้าในกรณีที่ไม่สะดวกในการโอนเงินผ่าน ATM หรือธนาคาร

แต่ก็มีข้อเสียทางฝั่งผู้ส่งคือค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น และในฝั่งลูกค้าเองที่จะต้องไปรับสินค้าและชำระเงินที่ไปรษณีย์ แน่นอนครับมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

วันนี้ผมจะมาแนะนำสำหรับวิธีการและขั้นตอนในการจัดส่งแบบ พกง. พัสดุเก็บเงินปลายทาง

1. ไปติดต่อที่ไปรษณีใกล้บ้านท่านเพราะในขั้นตอนการรับนั้นส่งที่ไหนก็ต้องมารับที่นั่น บอกเจ้าหน้าที่ว่าเรต้องการส่งสินค้าแบบ พกง. เจ้าหน้าที่จะให้ใบ พกง. มากรอก


(คลิกที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)

2. จากนั้นให้กรอกข้อมูลลงไปโดยซองจดหมายที่ให้มาให้กรอกชื่อที่อยู่ของเราเพราะธนาณัติจะถูกส่งกลับมาหาเราด้วยซองจดหมายซองนี้

3. กรอกข้อมูลใน ใบรับฝากไปรษณีย์เก็บเงิน โดยส่วนแรกให้กรอกชื่อและที่อยู่ของผู้ส่ง จากนั้นกรอกชื่อและที่อยู่ของผู้รับ มาดูทางฝั่งขวาให้กรอก ปณ.ที่ลูกค้าไปรับพร้อมทั้งรหัสไปรษณีย์ ด้านล่างลงมาให้กรอกจำนวนเงินที่เรียกเก็บซึ่งเป็นราคาที่คุยตกลงไว้กับผู้รับ

ในช่องคำสั่งผู้ฝากให้เลือกที่เราต้องการว่าจะให้ส่งกลับมาแบบไหน EMS หรือ แบบธรรมดา
กรณีนำจ่ายไม่ได้จะให้ทำอย่างไรก็ให้เลือก ส่งคืน

สุดท้ายให้ลงชื่อของคนที่จะไปรับธนาณัติ

จากนั้นนำซองจดใบหมายและใบรับฝากใส่ในซองพลาสติกที่ทางไปรษณีย์ให้มา (บาง ปณ.จะให้มาเฉพาะ ซองจดหมายและใบรับฝาก)


(คลิกที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)

4. ให้เขียนกำกับบนตัวกล่องแนะนำเป็นมุมบนขวา

ตย.
พกง. เก็บเงิน 9,200 บาท
(เก้าพันสองร้อยบาทถ้วน)

5. ยื่นให้เจ้าหน้าที่จัดการหลังจากนั้นเราจะได้ใบเสร็จและต้นขั้ว




6. หลังจากนั้นพัสดุของเราจะถูกจัดส่งออกไปตามที่อยู่ที่จ่าหน้าไว้

7. เมื่อถึงไปรษณีย์ปลายทาง ของจะถูกเก็บไว้ที่ไปรษณีย์นั้นๆ แล้วออกใบแจ้งไปบอกลูกค้าเราว่า มี พกง.มาส่ง (มีเทคนิคเล็กน้อยถ้าผู้รับอยากได้ของเร็วให้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าของจะถึงวันไหนแล้วให้เลข Tracking Number กับลูกค้าไปรับสินค้าก่อนที่จะออกใบรับได้เลยทันที)

8. ให้ลูกค้านำใบรับไปรับสินค้าที่ไปรษณีย์ที่ระบุจากนั้นทางลูกค้าจะทำการชำระตามจำนวนที่ระบุไว้ ตย. 9,200 บาท

9. ไปรษณีย์ปลายทางจะเอาเงิน 9,200บาท นั้น เปลี่ยนเป็นธนาณัติ ส่งกลับมาให้เราครับ (ดังนั้นชื่อที่อยู่ของเรา(ผู้ส่ง)ต้องเขียนให้ชัดเจน)



10. เมื่อเราได้รับธนาณัติ ก็เอาไปขึ้นเงินโดย
นำต้นขั้วที่ได้รับในวันที่ส่ง+ใบธนาณัติที่ส่งกลับมา+บัตรประชาชนตัวจริง(ใช้สำเนาไม่ได้ ทางไปรษณีย์แจ้งว่าเดี๋ยวนี้ปลอมกันง่าย) ไปติดต่อรับที่ไปรษณีย์ที่ทำการจัดส่งไป

เป็นยังไงครับไม่ยากเลยใช่มั๊ยครับ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกๆคนนะครับ :D

เพิ่มเติม :
เจอกระทู้ที่แนะนำเกี่ยวกับการป้องกันการโกงจากการส่ง พกง.
หลายคนอาจจะคิดว่าปลอดภัยแล้วแต่หากจ่ายเงินแล้วแต่ของข้างในไม่ใช่สิ่งที่สั่งไปล่ะเราจะทำการป้องกันอย่างไรได้บ้าง

สั่งซื้อของผ่านเน็ต แล้วส่งเป็น พกง. แต่ได้ของไม่ตรงสเปค ทำยังไง
เรามีวิธีป้องกันไม่ให้ท่านถูกโกง เมื่อสั่งซื้อของทางอินเทอร์เน็ต
1) เมื่อคุณไปที่ ไปรษณีย์แล้วชำระเงินให้กับเจ้าหน้าที่ของไปรษณีย์ ให้แกะของต่อหน้าเจ้าหน้าที่
2) ถ้าพบว่าของไม่ตรงสเปค เช่น สั่งซื้อลิขสิทธิ์วินโดวส์ แต่เปิดออกมาเป็นหนังสือการ์ตูน เงินก็จ่ายไปแล้ว จะทำอย่างไรต่อไป
3) ให้คุณไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ (สถานีตำรวจ) ที่ใกล้ที่สุด เพื่อออกหนังสือแจ้งความ (บันทึกประจำวัน)
4) นำหนังสือแจ้งความ มาให้กับเจ้าหน้าที่ ไปรษณีย์ ที่เป็นพยานในการแกะของ
5) เจ้าหน้าที่ ไปรษณีย์ จะทำการโทรเลขไปยัง ไปรษณีย์ปลายทาง เพื่อ อายัดเงิน ที่คุณจ่ายไป
เพียงเท่านี้คุณก็จะไม่ถูกโกงแล้วล่ะ

แต่จะให้ง่ายที่สุดให้ตรวจสอบ ประวัติของผู้ขายว่ามีประวัติการโกงหรือเปล่าจะง่ายที่สุด แนะนำง่ายๆให้เอา ชื่อ นามสกุล ของผู้ขายไป Search ใน Google เท่านี้ก็จะทราบแล้วครับว่าผู้ขายมีประวัติดีหรือไม่ดีอย่างไรครับ

7/16/2556

Do and Don’t เมื่อเขียนบล็อก-ข่าว-แผนภาพ Infographic และ Guest Posting (Infographic)


Do and Don’t เมื่อเขียนบล็อก-ข่าว-แผนภาพ Infographic และ Guest Posting (Infographic)
ขอบคุณที่มา http://thumbsup.in.th/2013/07/do-and-dont-of-content-marketing-infographic/

เดี๋ยวนี้นักการตลาดออนไลน์หันมาให้ความสำคัญในเรื่องของการทำ SEO กันอย่างแพร่หลาย
คาดว่าจะเกิดอาชีพนักเขียน Content Marketing ในไม่ช้าเนื่องจากกระแสการเขียน Content ใหม่ๆและไม่ซ้ำใคร เพื่อให้ google เห็นเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือ ผมเองก็เป็นนักเขียน Content รับจ้างหากใครสนใจอยากให้เขียน Content ก็ติดต่อมาได้ครับที่อยู่ด้านล่างครับ

เรามาดูบทความของ Thumbsup in Thailand กันครับ

เราเคยเห็นแต่ Infographic ที่แสดงกฎทองสิ่งที่ควรและไม่ควรของการทำ Content Marketing แบบภาพรวม แต่ Infographic จะแยกให้เห็นชัดเจนว่าสิ่งที่ควรและไม่ควรทำเมื่อเขียน Blog, ข่าว Press Release, ภาพ Infographic รวมถึงการเขียน Guest Posting นั้นมีอะไรบ้าง

ปัจจุบันการทำ Content Marketing หรือการทำตลาดโดยการนำเสนอเนื้อหาเพื่อดึงดูดความสนใจของกลุ่มผู้บริโภคนั้น เรียกได้ว่าเป็นรูปแบบการทำตลาดที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคุณสมบัติของการทำ Content Marketing ไม่เพียงแค่ช่วยกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มอันดับของเว็บไซต์บนเสิร์ชเอนจินให้สูงขึ้น รวมถึงเพิ่มจำนวนผู้เชมบนเว็บไซต์ด้วยเช่นกัน

สำหรับใครที่กำลังใช้ Content Marketing อยู่ในเวลานี้ เรามี Infographic จากเว็บไซต์ Webnethosting.net ที่ได้รวบรวมคำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ควรปฏิบัติและข้อห้ามในการนำเสนอเนื้อหาในแต่ละรูปแบบของการทำ Content Marketing ซึ่งในวันนี้นำเสนอทั้งหมดรวม 4 รูปแบบ ได้แก่ Blog, Press Release, Infographic และ Guest Posting มาให้ติดตามกันเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการทำ Content Marketing ในแต่ละรูปแบบให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เริ่มต้นด้วยรูปแบบแรก “Blog” โดยสิ่งที่ต้องนึกถึงในการนำเสนอบน Blog คือ มีการรวม Blog เข้าไว้บนเว็บไซต์, นำเสนอเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และมีคุณภาพ, มีการใช้คีย์เวิร์ดเพื่อเพิ่มการค้นหาบนเสิร์ชเอนจิน และกระตุ้นให้มีการแชร์หรือบอกต่อบนโซเชียลมีเดีย ส่วนข้อห้ามที่ไม่ควรปฏิบัติในการนำเสนอบน Blog คือ เน้นปริมาณแต่ไม่เน้นคุณภาพ, ลอกเนื้อหามาจากบทความอื่น และในแต่ละ Paragraph มีความยาวมากเกินไป ซึ่งทำให้อ่านยากและไม่น่าอ่าน

ตามมาด้วย “Press Release” หรือการนำเสนอและอัพเดตข่าวสารเป็นหลักนั้น สิ่งสำคัญมากที่สุดสำหรับ Press Release ก็คือ การนำเสนอเนื้อหาให้มีความทันสมัยและเป็นข้อมูลที่อัพเดตอยู่เสมอ รวมถึงการใช้หัวข้อ (Headline) ที่สื่อสารได้เข้าใจง่ายและดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน, มีการตรวจการสะกดคำและไวยกรณ์ให้ถูกต้อง และหากมีการนำเสนอถึงสถิติต่างๆควรมีการอ้างถึงแหล่งที่มาให้ชัดเจนและถูกต้อง โดยข้อห้ามที่ควรหลีกเลี่ยงในการนำเสนบน Press Release คือ นำเสนอเนื้อหาที่เน้นการขายสินค้ามากเกินไป, การแต่งข้อมูลขึ้นมาเอง เช่น สถิติต่างๆ

สำหรับ “Infographic” เรียกได้ว่าเป็นอีกรูปแบบหนึ่งในการนำเสนอเนื้อหาที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง รวมถึงในบ้านเราในปัจจุบัน โดยหัวใจหลักในการนำเสนอข้อมูล Infographic คือ รูปภาพ ซึ่งรูปภาพที่ใช้ต้องมีสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้เป็นอย่างดี, นำเสนอเนื้อหาให้สามารถเข้าใจและจดจำได้ง่าย และหากต้องการนำเสนอเกี่ยวกับสถิติตัวเลขต่างๆที่มีความซับซ้อน ควรนำกราฟวงกลม (Pie Chart) และกราฟแท่ง (Bar Graph) มาช่วยเพื่อให้สามารถสื่อสารได้ง่ายยิ่งขึ้น

สิ่งที่เป็นข้อห้ามในการนำเสนอในรูปแบบของ Infographic คือ การนำเสนอข้อมูลมากเกินไปซึ่งทำให้ผู้ชมเกิดความสับสน, การนำเสนอเนื้อหาที่รุนแรง โจมตีคู่แข่งหรือมีเนื้อหาไม่เหมาะสม และการนำเสนอในลักษณะแนวนอน (Horizontal Infographic)

และรูปแบบสุดท้าย คือ “Guest  Posting” หรือการเขียนบทความลงในบล็อกของคนอื่น ซึ่งนำเสนอในรูปแบบนี้ยังไม่เป็นที่นิยมมากนักในบ้านเรา โดยส่วนมากจะพบเห็นเพียงแค่ตามเว็บไซต์ใหญ่ๆเท่านั้น

สิ่งสำคัญที่ควรปฏิบัติในการนำเสนอรูปแบบ Blog Post คือ มีการตรวจสอบชื่อเสียงของเว็บไซต์ก่อนโพสต์, หมั่นตอบคอมเมนต์บน Guest Post และลงลิงค์ที่เกี่ยวข้องและตรงประเด็นกับบทความเท่านั้น ส่วนข้อห้ามที่ไม่ควรปฏิบัติ ได้แก่ แสดงความไม่พอในหากบทความโดนปฏิเสธ และลงบทความในเรื่องที่ซ้ำกับคนอื่นหรือถูกเขียนบ่อยแล้ว

ทั้งหมดเป็นเพียงแค่คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับการนำเสนอ Content Marketing รวมทั้งหมด 4 รูปแบบ ซึ่งหวังว่าข้อมูลทั้งหมดจะเป็นประโยขน์ ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ให้การนำเสนอมีประสิทธิภาพมากและมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น


ติดต่อ 086-339-5328 

7/15/2556

วันนี้หน้าต่าง google เปลี่ยนเป็นภาพวาด Rembrandt van Rijn

Rembrandt van Rijn คือใคร อ่านได้ที่นี่เลย

วันนี้กูเกิลได้ฉลองครบรอบ 407 ปี ของ Rembrandt van Rijn หรือชื่อไทยสั้นๆอ่านว่า แรมบรังด์
Rembrandt van Rijn ถือได้ว่า เป็นบุคคลที่มีความสำคัญกับงานด้านจิตรกรจริงๆ สำหรับเรื่องราวของ Rembrandt van Rijn  น่าจะได้ข้อคิด แนวคิดดีๆ จาก Rembrandt van Rijn
Rembrandt van Rijn
Rembrandt van Rijn เกิดเมื่อ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2149-4 ตุลาคม พ.ศ. 2212 เป็นจิตรกรและช่างพิมพ์ในประวัติศาสตร์ศิลปะยุโรปและเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดรายหนึ่งของโลก
ผลงานของ Rembrandt van Rijn ทำให้เนเธอร์แลนด์รุ่งเรืองสุดขีดหรือที่เรียกว่ายุคทอง (Dutch golden age) ในช่วงศตวรรษที่ 17 และเป็นผู้มีอำนาจทั้งด้านอิทธิพลการเมือง, วิทยาศาสตร์, พาณิชย์ และวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องจิตรกรรม
ภาพ บทเรียนกายวิภาคของนายแพทย์ทุลพ์ โดย Rembrandt van Rijn แสดงภาพของการสาธิตการชำแหละศพในสมัยศตวรรษที่ 17
Rembrandt van Rijnเป็นบุตรคนที่ 9 ของครอบครัวเจ้าของโรงงานและหุ้นส่วนโรงสีลมในเมืองไลเดน (Leiden) เนเธอร์แลนด์ พี่น้องของ Rembrandt van Rijn ถูกฝึกหัดเป็นเจ้าของโรงงาน, คนทำขนมปังหรือช่างทำรองเท้า แต่พ่อแม่ส่งลูกคนเล็กสุดของพวกRembrandt van Rijnตอนอายุเจ็ดขวบไปที่โรงเรียนประถมมัธยมศึกษาโปรเตสแตนท์ ที่ซึ่งRembrandt van Rijnเรียนภาษาละติน เมื่อRembrandt van Rijnอายุ 14 ปี Rembrandt van Rijnลงทะเบียนที่มหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงของไลเดน แต่Rembrandt van Rijnแทบจะไม่เรียนมากเพราะว่าในขณะเดียวกันRembrandt van Rijnขอให้พ่อแม่ของเขาฝึกหัดเขาให้เป็นจิตรกร ความหวังของเขาถูกเติมเต็ม และเขากลายเป็นลูกศิษย์ของศิลปินท้องถิ่น จาค็อบ ฟาน สวาเนนเบิร์ก (Jacob van Swanenburgh) ซึ่งเพิ่งกลับมาหลังจากการอยู่อาศัยที่ยาวนานในอิตาลี ระหว่างช่วงนี้เขาได้วาดฉากมากมายของแม่มดและนรก เขาสอนRembrandt van Rijnว่าถ่ายความรู้สึกของมนุษย์ลงในภาพอย่างไร ใช้แสงและความมืดเพื่อแบ่งแยกองค์ประกอบสำคัญจากสิ่งเล็กน้อยอย่างไร หลังจากเสร็จการฝึกหัดของเขา Rembrandt van Rijnในวัยเยาว์ไปอัมสเตอร์ดัมเป็นครั้งแรก รับการสอนจากปิเอเตอร์ ลาสท์แมน (Pieter Lastman) เป็นไปได้ว่าแรมบรังด์ใช้เวลาไม่เกินหกเดือนกับลาสท์แมนก่อนกลับไปบ้านเดิมของเขาที่ไลเดน

การเฝ้ายามกลางคืน หรือ กองทหารของฟรันส์ แบนนิง ค็อค พ.ศ. 2185 สีน้ำมันบนผ้าใบ แสดงที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติแห่งอัมสเตอร์ดัม
Rembrandt van Rijnถูกฝังที่เวสต์เตอร์เคิร์ค (Westerkerk) ในอัมสเตอร์ดัมเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2212

ขอบคุณที่มา http://public.in.th/Rembrandt-van-Rijn

7/11/2556

ทุกเส้นทางย่อมมีอุปสรรค

ทุกเส้นทางย่อมมีอุปสรรค ขอเพียงแต่ให้คุณรับมือในทุกปัญหา


MV แสงสุดท้าย OST. Top Secret วัยรุ่นพันล้าน



ภาพหลุด ชิ้นส่วน iPhone 5S คาดเปิดตัว กันยายนนี้

ภาพหลุด ชิ้นส่วน iPhone 5S คาดเปิดตัว กันยายนนี้
[10-กรกฏาคม-2556] AppleDaily เว็บไซต์แห่งหนึ่งในประเทศไต้หวัน ได้เผยภาพที่อ้างว่า เป็นชิ้นส่วนของ iPhone 5S (ไอโฟน 5S) ครับ และคาดว่า น่าจะเปิดตัวช่วงเดือนกันยายนนี้


สำหรับ iPhone 5S นั้น แหล่งข่าวได้เผยว่า ยังคงมีลักษณะคล้ายกับ iPhone 5 แต่จะเป็นการอัพเกรดสเปคภายในแทน โดยคาดว่า น่าจะมาพร้อมกับ RAM 2GB, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และรองรับ 4G LTE-A ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอีกด้วย ส่วนหน้าจอนั้น ยังคงมีขนาดอยู่ที่ 4 นิ้ว ความละเอียด 1136 x 640 พิกเซล เท่า iPhone 5



ส่วนซีพียูนั้น ยังคงเป็นแบบเดียวกับ iPhone 5 นั่นก็คือ ใช้ชิป Apple A6 แต่อัพเกรดหน่วยประมวลผลภาพ หรือ GPU ใหม่ จากเดิมแบบ Triple-core PowerVR SGX 554MP3 GPU เป็น Quad-core PowerVR SGX 554MP3 GPU แทน

สำหรับ ข่าวลือ ที่ว่า iPhone 5S (ไอโฟน 5S) จะมาพร้อมกับ เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ สำหรับปลดล็อก และเทคโนโลยี NFC นั้น ยังคงเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า เป็นความจริงหรือไม่ครับ - gsmarena.com

iPhone 5S เปลี่ยนปุ่ม Home มาเป็นแบบสัมผัสแทน



Technews แหล่งข่าวรายหนึ่งในประเทศไต้หวัน ได้เผยว่า ปุ่ม Home บน iPhone 5S (ไอโฟน 5S) จะไม่ใช่ปุ่มแบบ physical อีกต่อไปครับ แต่จะเป็นปุ่ม Home แบบ capacitive หรือแบบสัมผัสแทน ซึ่งบนปุ่ม Home แบบใหม่นี้ จะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ด้วย

นอกจากนี้ ปุ่ม Home แบบ capacitive ดังกล่าว จะถูกเคลือบด้วย sapphire เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและทนทานต่อรอยขีดข่วน ซึ่ง sapphire นี้ เป็นวัสดุเดียวกับกล้องด้านหลังตัวเครื่องบน iPhone 5 นั่นเอง ส่วนกำหนดการเปิดตัว iPhone 5S (ไอโฟน 5S) ทาง Technews เผยว่า จะเป็นช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายนนี้ครับ

อย่างไรก็ดี ข่าวจาก Technews ยังไม่อาจเชื่อถือได้ในตอนนี้ เนื่องจาก Technews ไม่เคยรายงานข่าวเกี่ยวกับ iPhone 5S มาก่อน จึงไม่สามารถยืนยันได้ว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ - macrumors.com

iPhone 5S มาพร้อมกล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล รองรับ dual-shot



มีข่าวลือออกมาว่า iPhone 5S นั้น จะปรับกล้องด้านหน้า ให้มีความละเอียดขึ้นเป็น 2 ล้านพิกเซล และมาพร้อมกับ iOS 7 ครับ

แม้ว่า iOS 7 จะยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่แหล่งข่าวเชื่อว่า ในงาน WWDC 2013 นี้ Apple คงไม่พลาดที่จะเผยโฉม iOS 7 ให้ชมกันอย่างแน่นอน นอกจากนี้ iPhone 5S (ไอโฟน 5S) ยังรองรับฟีเจอร์ Dual-shot หรือการถ่ายรูป และคลิปวิดีโอพร้อมกันทั้งกล้องด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่คล้ายกับ Dual-camera บน Samsung Galaxy S4 นั่นเองครับ โดยในตอนนี้ กำลังอยู่ในช่วงของการทดสอบ และคาดว่า น่าจะถูกรวมเข้ากับ iOS 7 หลังจากที่การทดสอบเสร็จสมบูรณ์แล้วนั่นเอง

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวเผยว่า ฟีเจอร์ Dual-shot นั้น จะรองรับเฉพาะ iPhone 5S เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น iPhone รุ่นเก่า รวมไปถึง iPhone 5 หมดสิทธิ์ใช้งานฟีเจอร์นี้ แต่ข้อมูลดังกล่าว เป็นเพียงการคาดคะเนเท่านั้นนะครับ - gsmarena.com

iPhone 5S (ไอโฟน 5S) มีสีทองให้เลือก ??

เป็นที่แน่นอนแล้วว่า iPhone 5S (ไอโฟน 5S) น่าจะเปิดตัวกันในช่วงเดือน กันยายน - ตุลาคม นี้ กันอย่างแน่นอน เนื่องจากในงาน WWDC 2013 ยังไม่มีการเผยโฉม iPhone รุ่นใหม่อย่างที่เป็นข่าว และข่าวอัพเดทล่าสุด เกี่ยวกับ iPhone 5S (ไอโฟน 5s) ในวันนี้ เมื่อเว็บไซต์ Macotakara ในประเทศญี่ปุ่น ได้เผยข้อมูลว่า iPhone 5s จะมีสีทอง ให้เลือกด้วยครับ



โดยเรื่อง iPhone 5S สีทองนั้น ก่อนหน้านั้น เคยมีข่าวว่า จะเป็น tray ใส่ซิมการ์ดที่เป็นสีทอง ในขณะที่ข่าวลือจากฝั่งแดนปลาดิบ กลับเผยว่า เป็น iPhone 5S (ไอโฟน 5S) สีทองจริงๆ ไม่ใช่แค่ตัว tray อย่างเดียว และจะมีให้เลือกอีก 2 สีคือ สีเทา และสีขาว ซึ่งเป็นสีมาตรฐานของ iPhone อยู่แล้ว

ส่วนสเปค iPhone 5s นั้น คาดกันว่า น่าจะมีขนาดหน้าจอ 4 นิ้วเท่าเดิม แต่อัพเกรดสเปคให้แรงขึ้น และปรับปรุงกล้องให้มีความละเอียดเพิ่มขึ้นเป็น 12 ล้านพิกเซลครับ ส่วนชิปเซ็ท จะเป็น Apple A7 หรือไม่ ต้องติดตามครับ - phonearena.com

iPhone 5S (ไอโฟน 5S) กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ?



รายงานข่าวจากเว็บไซต์ iLounge ได้เผยข้อมูล เกี่ยวกับ iPhone 5S (ไอโฟน 5S) โดยอ้างว่า แหล่งข่าวดังกล่าว เป็นแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ครับว่า iPhone 5s (ไอโฟน 5s) นั้น จะปรับปรุงกล้องด้านหลังใหม่ จากเดิมความละเอียด 8 ล้านพิกเซล บน iPhone 5 (ไอโฟน 5) มาเป็นความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ส่วนเซนเซอร์นั้น ยังคงเป็นของโซนี่เหมือนเดิมครับ

นอกจากนี้ ไฟแฟลชยังได้รับการอัพเกรดใหม่ รวมไปถึงระบบประมวลผล หรือ ซีพียู ด้วยเช่นเดียวกันครับ ซึ่งโค้ดเนมของ iPhone 5S (ไอโฟน 5S) ตัวต้นแบบ ก็คือ N51 และ N53

ส่วนกระบวนการผลิต iPhone 5S (ไอโฟน 5S) นั้น แหล่งข่าวเชื่อว่า ยังคงไม่เดินสายการผลิตอีกนานหลายเดือน แต่คาดว่า น่าจะเปิดตัวราวๆ เดือนกรกฏาคมนี้ครับ - macrumors.com

iPhone 5S (ไอโฟน 5S) มีระบบ สแกนลายนิ้วมือ ?



Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์จาก KGI Securities ที่เคยวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ของ Apple ได้ถูกต้องกว่า 70% ได้ออกมาเผยว่า iPhone 5S (ไอโฟน 5S) อาจจะมี ระบบสแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint sensor) ครับ หลังจากที่ Apple ได้เข้าซื้อบริษัท AuthenTec ที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยี สแกนลายนิ้วมือ รวมไปถึงบริษัท Microlatch ที่ Apple เพิ่งเซ็นสัญญาเมื่อไม่นานมานี้เช่นกัน

นอกจากนี้ Ming-Chi Kuo ยังเผยว่า iPhone 5S (ไอโฟน 5S) จะมีการปรับปรุงในเรื่องของ กล้อง และชิปเซ็ทครับ คาดว่า น่าจะใช้ Apple A7 เริ่มกระบวนการผลิตได้ในเดือนมีนาคมนี้ และเปิดตัวได้ราวๆ เดือนมิถุนายน - กรกฏาคมครับ - cultofmac.com

ไอโฟน 5S (iPhone 5S) เริ่มกระบวนการผลิตเดือนมีนาคม เปิดตัว มิถุนายน - กรกฏาคม



Peter Misek นักวิเคราะห์ชื่อดังจากบริษัท Jeffries ได้ออกมาเผยผลการสำรวจใหม่ครับว่า ไอโฟน 5S (iPhone 5S) นั้น จะเริ่มกระบวนการผลิตในเดือนมีนาคมนี้ และจะเปิดตัวได้ราวๆ เดือนมิถุนายน - กรกฏาคมครับ

นอกจากนี้ Peter Misek ยังได้อ้างว่า ได้เห็น ไอโฟน 5S (iPhone 5S) รุ่นต้นแบบ ทั้งหมด 2 รุ่นครับ และคาดว่า อีกรุ่นคงจะเป็น iPhone ต้นทุนต่ำ แบบเดียวกับที่ Apple เปิดตัว iPad mini (ไอแพด มินิ) นั่นเอง และไม่น่าจะใช่ iPhone ราคาถูก ที่เคยตกเป็นข่าวก่อนหน้านั้น ซึ่งสเปคของ iPhone ต้นทุนต่ำนี้ คาดว่า น่าจะมีหน้าจอขนาด 4 นิ้ว ไม่ใช่ Retina display ไม่รองรับ LTE และตัวเครื่องเป็นโพลีคาร์บอเนตครับ

สำหรับข่าวที่ Apple ลดกำลังการผลิต iPhone 5 (ไอโฟน 5) ลงนั้น ทาง Peter Misek เชื่อว่า เป็นความจริงครับ สาเหตุก็เป็นเพราะ ความต้องการซื้อ iPhone 5 (ไอโฟน 5) น้อยกว่าที่คาดการณ์ ประกอบกับ ไอโฟน 5S (iPhone 5S) จะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ ทำให้ Apple เน้นไปที่การผลิต ไอโฟน 5S (iPhone 5S) บ้างแล้วนั่นเอง - macrumors.com

iPhone 5S (ไอโฟน 5S) มาพร้อมกับหน้าจอแบบใหม่ Touch-on-Display



แม้จะมี ข่าวลือ เกี่ยวกับ iPhone 5S ออกมาว่า iPhone 5S (ไอโฟน 5S) นั้น จะมีให้เลือกหลายสีสัน เหมือนกับ iPod Touch Gen 5 และมีให้เลือกหลายขนาดหน้าจอนั้น ล่าสุด ได้มีข้อมูลใหม่ ที่ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการว่า iPhone 5S (ไอโฟน 5S) นั้น จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีหน้าจอแบบใหม่อีกด้วยครับ

จริงๆ แล้ว Apple ได้เปลี่ยนเทคโนโลยีหน้าจอบน iPhone 5 (ไอโฟน 5) มาเป็นแบบ in-cell ซึ่งส่งผลให้ตัวเครื่อง iPhone 5 (ไอโฟน 5) มีความบางลงกว่าเดิมอยู่แล้ว แต่หน้าจอแบบ in-cell นั้น ยังคงเกิดปัญหาบางอย่าง ในการสัมผัสบนหน้าจอครับ โดยเฉพาะเวลาที่ผู้ใช้งาน เลื่อนหน้าจอขึ้นลงแบบเร็วๆ ทำให้ไม่สามารถตอบสนองต่อการสัมผัสในบางส่วนได้ และทำให้หน้าจอค้างขึ้นมา ซึ่งในรายงานข่าว ได้เผยว่า iPhone 5S (ไอโฟน 5S) นั้น จะใช้เทคโนโลยีใหม่ ที่มีชื่อว่า Touch-on-Display ครับ ซึ่งจะมาช่วยแก้ปัญหาในจุดนี้ได้เป็นอย่างดี

โดยหน้าจอแบบ Touch-on-Display นั้น ผลิตโดยบริษัท Chimei Innolux และได้เริ่มส่งตัวอย่างหน้าจอ ให้กับทาง Apple ได้ทดสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า iPhone 5S (ไอโฟน 5S) อาจจะใช้เทคโนโลยีหน้าจอแบบใหม่ ที่นอกจากจะช่วยลดปัญหาการกระตุกขณะใช้งานแล้ว อาจจะทำให้ตัวเครื่องบางลงได้กว่าแต่ก่อนอีกด้วยครับ - cultofmac.com

iPhone 5S (ไอโฟน 5S) มาพร้อมกับตัวเครื่องหลากสี เหมือน iPod Touch



หลังจากที่มีกระแสข่าวของ iPhone 6 (ไอโฟน 6) ออกมาเกาะกระแสของ ไอโฟนรุ่นถัดไป ออกมา แต่สุดท้าย ข่าวคราวเคลื่อนไหวของไอโฟนรุ่นถัดไป ที่นักวิเคราะห์หลายท่านเชื่อว่า น่าจะใช้ชื่อ iPhone 5S (ไอโฟน 5S) นั้น ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องครับ หลังจากที่เดือนที่ผ่านมา Peter Misek นักวิเคราะห์จากสถาบัน Jeffries ได้ออกมาเผยว่า ไอโฟนรุ่นถัดไป นั้น น่าจะมีให้เลือกถึง 6-8 สี และเปิดตัวราวๆ กลางปีนี้ ล่าสุด ได้มีนักวิเคราะห์อีกท่าน ออกมายืนยันเช่นกัน

โดยนักวิเคราะห์คนดังกล่าว มีชื่อว่า Brian White ครับ ซึ่งเค้าเชื่อว่า ไอโฟนรุ่นถัดไป นั้น จะมีทางเลือกให้กับผู้ใช้งานมากขึ้น ไม่เพียงแค่จะมีหลายสีให้เลือกเท่านั้น แต่ยังมีหลายขนาดหน้าจอให้เลือกอีกด้วย และคาดว่า น่าจะเปิดตัวประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้ ซึ่งกระบวนการผลิต iPhone 5S (ไอโฟน 5S) นั้น น่าจะเริ่มได้ราวๆ เดือนมีนาคมนี้

นอกจากนี้ Brian White ยังเชื่อว่า สาเหตุที่ทำให้ตัวเค้าคิดว่า iPhone 5S (ไอโฟน 5S) น่าจะมีหลายสีนั้น เป็นเพราะ iPod Touch Gen 5 ที่เปิดตลาดด้วยหลากหลายสีสันนั่นเอง ซึ่ง Brian White เชื่อว่า นี่เป็นการชิมลางตลาดก่อนว่า จะมีกระแสตอบรับกลับมาอย่างไรบ้าง ซึ่งถ้าฟีตแบคดี ก็เป็นไปได้ที่ iPad รุ่นถัดไป จะมีหลายสีด้วยเช่นกันครับ

อย่างไรก็ดี คำสันนิษฐานของนักวิเคราะห์คนดังกล่าว ยังไม่สามารถ ฟันธง ได้อย่างมั่นใจว่า iPhone 5S (ไอโฟน 5S) จะมีหลายสี มีหลายขนาดหน้าจอ และเปิดตัวกลางปีนี้หรือไม่ ซึ่งความคืบหน้าของ iPhone 5S (ไอโฟน 5S) นั้น เร็วๆ นี้น่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติมที่มากขึ้นครับ - macrumors.com

 สนับสนุนเนื้อหา: www.techmoblog.com

7/07/2556

เตือนภัย ใช้แอนดรอยด์ ออนไลน์"เฟซบุ๊ก" ทำข้อมูลส่วนตัวรั่ว

เตือนภัย ใช้แอนดรอยด์ ออนไลน์"เฟซบุ๊ก" ทำข้อมูลส่วนตัวรั่ว

ไซแมนเทค ผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ต ชื่อดัง เปิดเผยว่า ได้ตรวจพบการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวในแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊กสำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ซึ่งจะส่งหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ผ่านอินเตอร์เน็ตไปยังเซิร์ฟเวอร์ของเฟซบุ๊ก เมื่อแอพพ์ดังกล่าวถูกเปิดใช้งาน ประเด็นสำคัญก็คือ หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ถูกส่งออกไปก่อนที่ผู้ใช้จะล็อกอินเข้าสู่แอพพ์ดังกล่าวเสียด้วยซ้ำ นอกจากนี้ถึงแม้ผู้ใช้ไม่ได้ป้อนข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ เริ่มการดำเนินการที่เฉพาะเจาะจง หรือมีบัญชีเฟซบุ๊กแต่หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ก็ยังถูกส่งไปให้เฟซบุ๊กอยู่ดี



ไซแมนเทคได้แจ้งเรื่องนี้ให้ทางเฟซบุ๊กทราบแล้ว และ เฟซบุ๊กมีแผนที่จะแก้ไขจุดบกพร่องนี้ในแอพพ์เฟซบุ๊กรุ่นถัดไปสำหรับแอนดรอยด์ ระหว่างนี้ คาดว่าอุปกรณ์จำนวนมากจากทั้งหมดราว 7 ล้านเครื่องที่ติดตั้งโปรแกรมเฟซบุ๊ก มีแนวโน้มว่าจะได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจหารือในประเด็นดังกล่าวนี้เพิ่มเติมกับผู้เชี่ยวชาญของไซแมนเทค สามารถแจ้งให้ทราบได้ผ่านทางเว็บไซต์ นอกจากนั้นยังสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบล็อกโพสต์ของไซแมนเทค: http://www.symantec.com/connect/blogs/norton-mobile-insight-discovers-facebook-privacy-leak