7/31/2556

พัสดุเก็บเงินปลายทาง

พกง. ย่อมาจาก พัสดุเก็บเงินปลายทาง
เป็นบริการที่เพิ่มความสะดวกสำหรับผู้ซื้อสินค้าในกรณีที่ไม่สะดวกในการโอนเงินผ่าน ATM หรือธนาคาร

แต่ก็มีข้อเสียทางฝั่งผู้ส่งคือค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น และในฝั่งลูกค้าเองที่จะต้องไปรับสินค้าและชำระเงินที่ไปรษณีย์ แน่นอนครับมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

วันนี้ผมจะมาแนะนำสำหรับวิธีการและขั้นตอนในการจัดส่งแบบ พกง. พัสดุเก็บเงินปลายทาง

1. ไปติดต่อที่ไปรษณีใกล้บ้านท่านเพราะในขั้นตอนการรับนั้นส่งที่ไหนก็ต้องมารับที่นั่น บอกเจ้าหน้าที่ว่าเรต้องการส่งสินค้าแบบ พกง. เจ้าหน้าที่จะให้ใบ พกง. มากรอก


(คลิกที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)

2. จากนั้นให้กรอกข้อมูลลงไปโดยซองจดหมายที่ให้มาให้กรอกชื่อที่อยู่ของเราเพราะธนาณัติจะถูกส่งกลับมาหาเราด้วยซองจดหมายซองนี้

3. กรอกข้อมูลใน ใบรับฝากไปรษณีย์เก็บเงิน โดยส่วนแรกให้กรอกชื่อและที่อยู่ของผู้ส่ง จากนั้นกรอกชื่อและที่อยู่ของผู้รับ มาดูทางฝั่งขวาให้กรอก ปณ.ที่ลูกค้าไปรับพร้อมทั้งรหัสไปรษณีย์ ด้านล่างลงมาให้กรอกจำนวนเงินที่เรียกเก็บซึ่งเป็นราคาที่คุยตกลงไว้กับผู้รับ

ในช่องคำสั่งผู้ฝากให้เลือกที่เราต้องการว่าจะให้ส่งกลับมาแบบไหน EMS หรือ แบบธรรมดา
กรณีนำจ่ายไม่ได้จะให้ทำอย่างไรก็ให้เลือก ส่งคืน

สุดท้ายให้ลงชื่อของคนที่จะไปรับธนาณัติ

จากนั้นนำซองจดใบหมายและใบรับฝากใส่ในซองพลาสติกที่ทางไปรษณีย์ให้มา (บาง ปณ.จะให้มาเฉพาะ ซองจดหมายและใบรับฝาก)


(คลิกที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)

4. ให้เขียนกำกับบนตัวกล่องแนะนำเป็นมุมบนขวา

ตย.
พกง. เก็บเงิน 9,200 บาท
(เก้าพันสองร้อยบาทถ้วน)

5. ยื่นให้เจ้าหน้าที่จัดการหลังจากนั้นเราจะได้ใบเสร็จและต้นขั้ว




6. หลังจากนั้นพัสดุของเราจะถูกจัดส่งออกไปตามที่อยู่ที่จ่าหน้าไว้

7. เมื่อถึงไปรษณีย์ปลายทาง ของจะถูกเก็บไว้ที่ไปรษณีย์นั้นๆ แล้วออกใบแจ้งไปบอกลูกค้าเราว่า มี พกง.มาส่ง (มีเทคนิคเล็กน้อยถ้าผู้รับอยากได้ของเร็วให้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าของจะถึงวันไหนแล้วให้เลข Tracking Number กับลูกค้าไปรับสินค้าก่อนที่จะออกใบรับได้เลยทันที)

8. ให้ลูกค้านำใบรับไปรับสินค้าที่ไปรษณีย์ที่ระบุจากนั้นทางลูกค้าจะทำการชำระตามจำนวนที่ระบุไว้ ตย. 9,200 บาท

9. ไปรษณีย์ปลายทางจะเอาเงิน 9,200บาท นั้น เปลี่ยนเป็นธนาณัติ ส่งกลับมาให้เราครับ (ดังนั้นชื่อที่อยู่ของเรา(ผู้ส่ง)ต้องเขียนให้ชัดเจน)



10. เมื่อเราได้รับธนาณัติ ก็เอาไปขึ้นเงินโดย
นำต้นขั้วที่ได้รับในวันที่ส่ง+ใบธนาณัติที่ส่งกลับมา+บัตรประชาชนตัวจริง(ใช้สำเนาไม่ได้ ทางไปรษณีย์แจ้งว่าเดี๋ยวนี้ปลอมกันง่าย) ไปติดต่อรับที่ไปรษณีย์ที่ทำการจัดส่งไป

เป็นยังไงครับไม่ยากเลยใช่มั๊ยครับ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกๆคนนะครับ :D

เพิ่มเติม :
เจอกระทู้ที่แนะนำเกี่ยวกับการป้องกันการโกงจากการส่ง พกง.
หลายคนอาจจะคิดว่าปลอดภัยแล้วแต่หากจ่ายเงินแล้วแต่ของข้างในไม่ใช่สิ่งที่สั่งไปล่ะเราจะทำการป้องกันอย่างไรได้บ้าง

สั่งซื้อของผ่านเน็ต แล้วส่งเป็น พกง. แต่ได้ของไม่ตรงสเปค ทำยังไง
เรามีวิธีป้องกันไม่ให้ท่านถูกโกง เมื่อสั่งซื้อของทางอินเทอร์เน็ต
1) เมื่อคุณไปที่ ไปรษณีย์แล้วชำระเงินให้กับเจ้าหน้าที่ของไปรษณีย์ ให้แกะของต่อหน้าเจ้าหน้าที่
2) ถ้าพบว่าของไม่ตรงสเปค เช่น สั่งซื้อลิขสิทธิ์วินโดวส์ แต่เปิดออกมาเป็นหนังสือการ์ตูน เงินก็จ่ายไปแล้ว จะทำอย่างไรต่อไป
3) ให้คุณไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ (สถานีตำรวจ) ที่ใกล้ที่สุด เพื่อออกหนังสือแจ้งความ (บันทึกประจำวัน)
4) นำหนังสือแจ้งความ มาให้กับเจ้าหน้าที่ ไปรษณีย์ ที่เป็นพยานในการแกะของ
5) เจ้าหน้าที่ ไปรษณีย์ จะทำการโทรเลขไปยัง ไปรษณีย์ปลายทาง เพื่อ อายัดเงิน ที่คุณจ่ายไป
เพียงเท่านี้คุณก็จะไม่ถูกโกงแล้วล่ะ

แต่จะให้ง่ายที่สุดให้ตรวจสอบ ประวัติของผู้ขายว่ามีประวัติการโกงหรือเปล่าจะง่ายที่สุด แนะนำง่ายๆให้เอา ชื่อ นามสกุล ของผู้ขายไป Search ใน Google เท่านี้ก็จะทราบแล้วครับว่าผู้ขายมีประวัติดีหรือไม่ดีอย่างไรครับ

7/16/2556

Do and Don’t เมื่อเขียนบล็อก-ข่าว-แผนภาพ Infographic และ Guest Posting (Infographic)


Do and Don’t เมื่อเขียนบล็อก-ข่าว-แผนภาพ Infographic และ Guest Posting (Infographic)
ขอบคุณที่มา http://thumbsup.in.th/2013/07/do-and-dont-of-content-marketing-infographic/

เดี๋ยวนี้นักการตลาดออนไลน์หันมาให้ความสำคัญในเรื่องของการทำ SEO กันอย่างแพร่หลาย
คาดว่าจะเกิดอาชีพนักเขียน Content Marketing ในไม่ช้าเนื่องจากกระแสการเขียน Content ใหม่ๆและไม่ซ้ำใคร เพื่อให้ google เห็นเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือ ผมเองก็เป็นนักเขียน Content รับจ้างหากใครสนใจอยากให้เขียน Content ก็ติดต่อมาได้ครับที่อยู่ด้านล่างครับ

เรามาดูบทความของ Thumbsup in Thailand กันครับ

เราเคยเห็นแต่ Infographic ที่แสดงกฎทองสิ่งที่ควรและไม่ควรของการทำ Content Marketing แบบภาพรวม แต่ Infographic จะแยกให้เห็นชัดเจนว่าสิ่งที่ควรและไม่ควรทำเมื่อเขียน Blog, ข่าว Press Release, ภาพ Infographic รวมถึงการเขียน Guest Posting นั้นมีอะไรบ้าง

ปัจจุบันการทำ Content Marketing หรือการทำตลาดโดยการนำเสนอเนื้อหาเพื่อดึงดูดความสนใจของกลุ่มผู้บริโภคนั้น เรียกได้ว่าเป็นรูปแบบการทำตลาดที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคุณสมบัติของการทำ Content Marketing ไม่เพียงแค่ช่วยกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มอันดับของเว็บไซต์บนเสิร์ชเอนจินให้สูงขึ้น รวมถึงเพิ่มจำนวนผู้เชมบนเว็บไซต์ด้วยเช่นกัน

สำหรับใครที่กำลังใช้ Content Marketing อยู่ในเวลานี้ เรามี Infographic จากเว็บไซต์ Webnethosting.net ที่ได้รวบรวมคำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ควรปฏิบัติและข้อห้ามในการนำเสนอเนื้อหาในแต่ละรูปแบบของการทำ Content Marketing ซึ่งในวันนี้นำเสนอทั้งหมดรวม 4 รูปแบบ ได้แก่ Blog, Press Release, Infographic และ Guest Posting มาให้ติดตามกันเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการทำ Content Marketing ในแต่ละรูปแบบให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เริ่มต้นด้วยรูปแบบแรก “Blog” โดยสิ่งที่ต้องนึกถึงในการนำเสนอบน Blog คือ มีการรวม Blog เข้าไว้บนเว็บไซต์, นำเสนอเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และมีคุณภาพ, มีการใช้คีย์เวิร์ดเพื่อเพิ่มการค้นหาบนเสิร์ชเอนจิน และกระตุ้นให้มีการแชร์หรือบอกต่อบนโซเชียลมีเดีย ส่วนข้อห้ามที่ไม่ควรปฏิบัติในการนำเสนอบน Blog คือ เน้นปริมาณแต่ไม่เน้นคุณภาพ, ลอกเนื้อหามาจากบทความอื่น และในแต่ละ Paragraph มีความยาวมากเกินไป ซึ่งทำให้อ่านยากและไม่น่าอ่าน

ตามมาด้วย “Press Release” หรือการนำเสนอและอัพเดตข่าวสารเป็นหลักนั้น สิ่งสำคัญมากที่สุดสำหรับ Press Release ก็คือ การนำเสนอเนื้อหาให้มีความทันสมัยและเป็นข้อมูลที่อัพเดตอยู่เสมอ รวมถึงการใช้หัวข้อ (Headline) ที่สื่อสารได้เข้าใจง่ายและดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน, มีการตรวจการสะกดคำและไวยกรณ์ให้ถูกต้อง และหากมีการนำเสนอถึงสถิติต่างๆควรมีการอ้างถึงแหล่งที่มาให้ชัดเจนและถูกต้อง โดยข้อห้ามที่ควรหลีกเลี่ยงในการนำเสนบน Press Release คือ นำเสนอเนื้อหาที่เน้นการขายสินค้ามากเกินไป, การแต่งข้อมูลขึ้นมาเอง เช่น สถิติต่างๆ

สำหรับ “Infographic” เรียกได้ว่าเป็นอีกรูปแบบหนึ่งในการนำเสนอเนื้อหาที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง รวมถึงในบ้านเราในปัจจุบัน โดยหัวใจหลักในการนำเสนอข้อมูล Infographic คือ รูปภาพ ซึ่งรูปภาพที่ใช้ต้องมีสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้เป็นอย่างดี, นำเสนอเนื้อหาให้สามารถเข้าใจและจดจำได้ง่าย และหากต้องการนำเสนอเกี่ยวกับสถิติตัวเลขต่างๆที่มีความซับซ้อน ควรนำกราฟวงกลม (Pie Chart) และกราฟแท่ง (Bar Graph) มาช่วยเพื่อให้สามารถสื่อสารได้ง่ายยิ่งขึ้น

สิ่งที่เป็นข้อห้ามในการนำเสนอในรูปแบบของ Infographic คือ การนำเสนอข้อมูลมากเกินไปซึ่งทำให้ผู้ชมเกิดความสับสน, การนำเสนอเนื้อหาที่รุนแรง โจมตีคู่แข่งหรือมีเนื้อหาไม่เหมาะสม และการนำเสนอในลักษณะแนวนอน (Horizontal Infographic)

และรูปแบบสุดท้าย คือ “Guest  Posting” หรือการเขียนบทความลงในบล็อกของคนอื่น ซึ่งนำเสนอในรูปแบบนี้ยังไม่เป็นที่นิยมมากนักในบ้านเรา โดยส่วนมากจะพบเห็นเพียงแค่ตามเว็บไซต์ใหญ่ๆเท่านั้น

สิ่งสำคัญที่ควรปฏิบัติในการนำเสนอรูปแบบ Blog Post คือ มีการตรวจสอบชื่อเสียงของเว็บไซต์ก่อนโพสต์, หมั่นตอบคอมเมนต์บน Guest Post และลงลิงค์ที่เกี่ยวข้องและตรงประเด็นกับบทความเท่านั้น ส่วนข้อห้ามที่ไม่ควรปฏิบัติ ได้แก่ แสดงความไม่พอในหากบทความโดนปฏิเสธ และลงบทความในเรื่องที่ซ้ำกับคนอื่นหรือถูกเขียนบ่อยแล้ว

ทั้งหมดเป็นเพียงแค่คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับการนำเสนอ Content Marketing รวมทั้งหมด 4 รูปแบบ ซึ่งหวังว่าข้อมูลทั้งหมดจะเป็นประโยขน์ ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ให้การนำเสนอมีประสิทธิภาพมากและมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น


ติดต่อ 086-339-5328 

7/15/2556

วันนี้หน้าต่าง google เปลี่ยนเป็นภาพวาด Rembrandt van Rijn

Rembrandt van Rijn คือใคร อ่านได้ที่นี่เลย

วันนี้กูเกิลได้ฉลองครบรอบ 407 ปี ของ Rembrandt van Rijn หรือชื่อไทยสั้นๆอ่านว่า แรมบรังด์
Rembrandt van Rijn ถือได้ว่า เป็นบุคคลที่มีความสำคัญกับงานด้านจิตรกรจริงๆ สำหรับเรื่องราวของ Rembrandt van Rijn  น่าจะได้ข้อคิด แนวคิดดีๆ จาก Rembrandt van Rijn
Rembrandt van Rijn
Rembrandt van Rijn เกิดเมื่อ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2149-4 ตุลาคม พ.ศ. 2212 เป็นจิตรกรและช่างพิมพ์ในประวัติศาสตร์ศิลปะยุโรปและเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดรายหนึ่งของโลก
ผลงานของ Rembrandt van Rijn ทำให้เนเธอร์แลนด์รุ่งเรืองสุดขีดหรือที่เรียกว่ายุคทอง (Dutch golden age) ในช่วงศตวรรษที่ 17 และเป็นผู้มีอำนาจทั้งด้านอิทธิพลการเมือง, วิทยาศาสตร์, พาณิชย์ และวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องจิตรกรรม
ภาพ บทเรียนกายวิภาคของนายแพทย์ทุลพ์ โดย Rembrandt van Rijn แสดงภาพของการสาธิตการชำแหละศพในสมัยศตวรรษที่ 17
Rembrandt van Rijnเป็นบุตรคนที่ 9 ของครอบครัวเจ้าของโรงงานและหุ้นส่วนโรงสีลมในเมืองไลเดน (Leiden) เนเธอร์แลนด์ พี่น้องของ Rembrandt van Rijn ถูกฝึกหัดเป็นเจ้าของโรงงาน, คนทำขนมปังหรือช่างทำรองเท้า แต่พ่อแม่ส่งลูกคนเล็กสุดของพวกRembrandt van Rijnตอนอายุเจ็ดขวบไปที่โรงเรียนประถมมัธยมศึกษาโปรเตสแตนท์ ที่ซึ่งRembrandt van Rijnเรียนภาษาละติน เมื่อRembrandt van Rijnอายุ 14 ปี Rembrandt van Rijnลงทะเบียนที่มหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงของไลเดน แต่Rembrandt van Rijnแทบจะไม่เรียนมากเพราะว่าในขณะเดียวกันRembrandt van Rijnขอให้พ่อแม่ของเขาฝึกหัดเขาให้เป็นจิตรกร ความหวังของเขาถูกเติมเต็ม และเขากลายเป็นลูกศิษย์ของศิลปินท้องถิ่น จาค็อบ ฟาน สวาเนนเบิร์ก (Jacob van Swanenburgh) ซึ่งเพิ่งกลับมาหลังจากการอยู่อาศัยที่ยาวนานในอิตาลี ระหว่างช่วงนี้เขาได้วาดฉากมากมายของแม่มดและนรก เขาสอนRembrandt van Rijnว่าถ่ายความรู้สึกของมนุษย์ลงในภาพอย่างไร ใช้แสงและความมืดเพื่อแบ่งแยกองค์ประกอบสำคัญจากสิ่งเล็กน้อยอย่างไร หลังจากเสร็จการฝึกหัดของเขา Rembrandt van Rijnในวัยเยาว์ไปอัมสเตอร์ดัมเป็นครั้งแรก รับการสอนจากปิเอเตอร์ ลาสท์แมน (Pieter Lastman) เป็นไปได้ว่าแรมบรังด์ใช้เวลาไม่เกินหกเดือนกับลาสท์แมนก่อนกลับไปบ้านเดิมของเขาที่ไลเดน

การเฝ้ายามกลางคืน หรือ กองทหารของฟรันส์ แบนนิง ค็อค พ.ศ. 2185 สีน้ำมันบนผ้าใบ แสดงที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติแห่งอัมสเตอร์ดัม
Rembrandt van Rijnถูกฝังที่เวสต์เตอร์เคิร์ค (Westerkerk) ในอัมสเตอร์ดัมเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2212

ขอบคุณที่มา http://public.in.th/Rembrandt-van-Rijn

7/11/2556

ทุกเส้นทางย่อมมีอุปสรรค

ทุกเส้นทางย่อมมีอุปสรรค ขอเพียงแต่ให้คุณรับมือในทุกปัญหา


MV แสงสุดท้าย OST. Top Secret วัยรุ่นพันล้าน



ภาพหลุด ชิ้นส่วน iPhone 5S คาดเปิดตัว กันยายนนี้

ภาพหลุด ชิ้นส่วน iPhone 5S คาดเปิดตัว กันยายนนี้
[10-กรกฏาคม-2556] AppleDaily เว็บไซต์แห่งหนึ่งในประเทศไต้หวัน ได้เผยภาพที่อ้างว่า เป็นชิ้นส่วนของ iPhone 5S (ไอโฟน 5S) ครับ และคาดว่า น่าจะเปิดตัวช่วงเดือนกันยายนนี้


สำหรับ iPhone 5S นั้น แหล่งข่าวได้เผยว่า ยังคงมีลักษณะคล้ายกับ iPhone 5 แต่จะเป็นการอัพเกรดสเปคภายในแทน โดยคาดว่า น่าจะมาพร้อมกับ RAM 2GB, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และรองรับ 4G LTE-A ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอีกด้วย ส่วนหน้าจอนั้น ยังคงมีขนาดอยู่ที่ 4 นิ้ว ความละเอียด 1136 x 640 พิกเซล เท่า iPhone 5



ส่วนซีพียูนั้น ยังคงเป็นแบบเดียวกับ iPhone 5 นั่นก็คือ ใช้ชิป Apple A6 แต่อัพเกรดหน่วยประมวลผลภาพ หรือ GPU ใหม่ จากเดิมแบบ Triple-core PowerVR SGX 554MP3 GPU เป็น Quad-core PowerVR SGX 554MP3 GPU แทน

สำหรับ ข่าวลือ ที่ว่า iPhone 5S (ไอโฟน 5S) จะมาพร้อมกับ เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ สำหรับปลดล็อก และเทคโนโลยี NFC นั้น ยังคงเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า เป็นความจริงหรือไม่ครับ - gsmarena.com

iPhone 5S เปลี่ยนปุ่ม Home มาเป็นแบบสัมผัสแทน



Technews แหล่งข่าวรายหนึ่งในประเทศไต้หวัน ได้เผยว่า ปุ่ม Home บน iPhone 5S (ไอโฟน 5S) จะไม่ใช่ปุ่มแบบ physical อีกต่อไปครับ แต่จะเป็นปุ่ม Home แบบ capacitive หรือแบบสัมผัสแทน ซึ่งบนปุ่ม Home แบบใหม่นี้ จะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ด้วย

นอกจากนี้ ปุ่ม Home แบบ capacitive ดังกล่าว จะถูกเคลือบด้วย sapphire เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและทนทานต่อรอยขีดข่วน ซึ่ง sapphire นี้ เป็นวัสดุเดียวกับกล้องด้านหลังตัวเครื่องบน iPhone 5 นั่นเอง ส่วนกำหนดการเปิดตัว iPhone 5S (ไอโฟน 5S) ทาง Technews เผยว่า จะเป็นช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายนนี้ครับ

อย่างไรก็ดี ข่าวจาก Technews ยังไม่อาจเชื่อถือได้ในตอนนี้ เนื่องจาก Technews ไม่เคยรายงานข่าวเกี่ยวกับ iPhone 5S มาก่อน จึงไม่สามารถยืนยันได้ว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ - macrumors.com

iPhone 5S มาพร้อมกล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล รองรับ dual-shot



มีข่าวลือออกมาว่า iPhone 5S นั้น จะปรับกล้องด้านหน้า ให้มีความละเอียดขึ้นเป็น 2 ล้านพิกเซล และมาพร้อมกับ iOS 7 ครับ

แม้ว่า iOS 7 จะยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่แหล่งข่าวเชื่อว่า ในงาน WWDC 2013 นี้ Apple คงไม่พลาดที่จะเผยโฉม iOS 7 ให้ชมกันอย่างแน่นอน นอกจากนี้ iPhone 5S (ไอโฟน 5S) ยังรองรับฟีเจอร์ Dual-shot หรือการถ่ายรูป และคลิปวิดีโอพร้อมกันทั้งกล้องด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่คล้ายกับ Dual-camera บน Samsung Galaxy S4 นั่นเองครับ โดยในตอนนี้ กำลังอยู่ในช่วงของการทดสอบ และคาดว่า น่าจะถูกรวมเข้ากับ iOS 7 หลังจากที่การทดสอบเสร็จสมบูรณ์แล้วนั่นเอง

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวเผยว่า ฟีเจอร์ Dual-shot นั้น จะรองรับเฉพาะ iPhone 5S เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น iPhone รุ่นเก่า รวมไปถึง iPhone 5 หมดสิทธิ์ใช้งานฟีเจอร์นี้ แต่ข้อมูลดังกล่าว เป็นเพียงการคาดคะเนเท่านั้นนะครับ - gsmarena.com

iPhone 5S (ไอโฟน 5S) มีสีทองให้เลือก ??

เป็นที่แน่นอนแล้วว่า iPhone 5S (ไอโฟน 5S) น่าจะเปิดตัวกันในช่วงเดือน กันยายน - ตุลาคม นี้ กันอย่างแน่นอน เนื่องจากในงาน WWDC 2013 ยังไม่มีการเผยโฉม iPhone รุ่นใหม่อย่างที่เป็นข่าว และข่าวอัพเดทล่าสุด เกี่ยวกับ iPhone 5S (ไอโฟน 5s) ในวันนี้ เมื่อเว็บไซต์ Macotakara ในประเทศญี่ปุ่น ได้เผยข้อมูลว่า iPhone 5s จะมีสีทอง ให้เลือกด้วยครับ



โดยเรื่อง iPhone 5S สีทองนั้น ก่อนหน้านั้น เคยมีข่าวว่า จะเป็น tray ใส่ซิมการ์ดที่เป็นสีทอง ในขณะที่ข่าวลือจากฝั่งแดนปลาดิบ กลับเผยว่า เป็น iPhone 5S (ไอโฟน 5S) สีทองจริงๆ ไม่ใช่แค่ตัว tray อย่างเดียว และจะมีให้เลือกอีก 2 สีคือ สีเทา และสีขาว ซึ่งเป็นสีมาตรฐานของ iPhone อยู่แล้ว

ส่วนสเปค iPhone 5s นั้น คาดกันว่า น่าจะมีขนาดหน้าจอ 4 นิ้วเท่าเดิม แต่อัพเกรดสเปคให้แรงขึ้น และปรับปรุงกล้องให้มีความละเอียดเพิ่มขึ้นเป็น 12 ล้านพิกเซลครับ ส่วนชิปเซ็ท จะเป็น Apple A7 หรือไม่ ต้องติดตามครับ - phonearena.com

iPhone 5S (ไอโฟน 5S) กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ?



รายงานข่าวจากเว็บไซต์ iLounge ได้เผยข้อมูล เกี่ยวกับ iPhone 5S (ไอโฟน 5S) โดยอ้างว่า แหล่งข่าวดังกล่าว เป็นแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ครับว่า iPhone 5s (ไอโฟน 5s) นั้น จะปรับปรุงกล้องด้านหลังใหม่ จากเดิมความละเอียด 8 ล้านพิกเซล บน iPhone 5 (ไอโฟน 5) มาเป็นความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ส่วนเซนเซอร์นั้น ยังคงเป็นของโซนี่เหมือนเดิมครับ

นอกจากนี้ ไฟแฟลชยังได้รับการอัพเกรดใหม่ รวมไปถึงระบบประมวลผล หรือ ซีพียู ด้วยเช่นเดียวกันครับ ซึ่งโค้ดเนมของ iPhone 5S (ไอโฟน 5S) ตัวต้นแบบ ก็คือ N51 และ N53

ส่วนกระบวนการผลิต iPhone 5S (ไอโฟน 5S) นั้น แหล่งข่าวเชื่อว่า ยังคงไม่เดินสายการผลิตอีกนานหลายเดือน แต่คาดว่า น่าจะเปิดตัวราวๆ เดือนกรกฏาคมนี้ครับ - macrumors.com

iPhone 5S (ไอโฟน 5S) มีระบบ สแกนลายนิ้วมือ ?



Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์จาก KGI Securities ที่เคยวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ของ Apple ได้ถูกต้องกว่า 70% ได้ออกมาเผยว่า iPhone 5S (ไอโฟน 5S) อาจจะมี ระบบสแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint sensor) ครับ หลังจากที่ Apple ได้เข้าซื้อบริษัท AuthenTec ที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยี สแกนลายนิ้วมือ รวมไปถึงบริษัท Microlatch ที่ Apple เพิ่งเซ็นสัญญาเมื่อไม่นานมานี้เช่นกัน

นอกจากนี้ Ming-Chi Kuo ยังเผยว่า iPhone 5S (ไอโฟน 5S) จะมีการปรับปรุงในเรื่องของ กล้อง และชิปเซ็ทครับ คาดว่า น่าจะใช้ Apple A7 เริ่มกระบวนการผลิตได้ในเดือนมีนาคมนี้ และเปิดตัวได้ราวๆ เดือนมิถุนายน - กรกฏาคมครับ - cultofmac.com

ไอโฟน 5S (iPhone 5S) เริ่มกระบวนการผลิตเดือนมีนาคม เปิดตัว มิถุนายน - กรกฏาคม



Peter Misek นักวิเคราะห์ชื่อดังจากบริษัท Jeffries ได้ออกมาเผยผลการสำรวจใหม่ครับว่า ไอโฟน 5S (iPhone 5S) นั้น จะเริ่มกระบวนการผลิตในเดือนมีนาคมนี้ และจะเปิดตัวได้ราวๆ เดือนมิถุนายน - กรกฏาคมครับ

นอกจากนี้ Peter Misek ยังได้อ้างว่า ได้เห็น ไอโฟน 5S (iPhone 5S) รุ่นต้นแบบ ทั้งหมด 2 รุ่นครับ และคาดว่า อีกรุ่นคงจะเป็น iPhone ต้นทุนต่ำ แบบเดียวกับที่ Apple เปิดตัว iPad mini (ไอแพด มินิ) นั่นเอง และไม่น่าจะใช่ iPhone ราคาถูก ที่เคยตกเป็นข่าวก่อนหน้านั้น ซึ่งสเปคของ iPhone ต้นทุนต่ำนี้ คาดว่า น่าจะมีหน้าจอขนาด 4 นิ้ว ไม่ใช่ Retina display ไม่รองรับ LTE และตัวเครื่องเป็นโพลีคาร์บอเนตครับ

สำหรับข่าวที่ Apple ลดกำลังการผลิต iPhone 5 (ไอโฟน 5) ลงนั้น ทาง Peter Misek เชื่อว่า เป็นความจริงครับ สาเหตุก็เป็นเพราะ ความต้องการซื้อ iPhone 5 (ไอโฟน 5) น้อยกว่าที่คาดการณ์ ประกอบกับ ไอโฟน 5S (iPhone 5S) จะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ ทำให้ Apple เน้นไปที่การผลิต ไอโฟน 5S (iPhone 5S) บ้างแล้วนั่นเอง - macrumors.com

iPhone 5S (ไอโฟน 5S) มาพร้อมกับหน้าจอแบบใหม่ Touch-on-Display



แม้จะมี ข่าวลือ เกี่ยวกับ iPhone 5S ออกมาว่า iPhone 5S (ไอโฟน 5S) นั้น จะมีให้เลือกหลายสีสัน เหมือนกับ iPod Touch Gen 5 และมีให้เลือกหลายขนาดหน้าจอนั้น ล่าสุด ได้มีข้อมูลใหม่ ที่ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการว่า iPhone 5S (ไอโฟน 5S) นั้น จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีหน้าจอแบบใหม่อีกด้วยครับ

จริงๆ แล้ว Apple ได้เปลี่ยนเทคโนโลยีหน้าจอบน iPhone 5 (ไอโฟน 5) มาเป็นแบบ in-cell ซึ่งส่งผลให้ตัวเครื่อง iPhone 5 (ไอโฟน 5) มีความบางลงกว่าเดิมอยู่แล้ว แต่หน้าจอแบบ in-cell นั้น ยังคงเกิดปัญหาบางอย่าง ในการสัมผัสบนหน้าจอครับ โดยเฉพาะเวลาที่ผู้ใช้งาน เลื่อนหน้าจอขึ้นลงแบบเร็วๆ ทำให้ไม่สามารถตอบสนองต่อการสัมผัสในบางส่วนได้ และทำให้หน้าจอค้างขึ้นมา ซึ่งในรายงานข่าว ได้เผยว่า iPhone 5S (ไอโฟน 5S) นั้น จะใช้เทคโนโลยีใหม่ ที่มีชื่อว่า Touch-on-Display ครับ ซึ่งจะมาช่วยแก้ปัญหาในจุดนี้ได้เป็นอย่างดี

โดยหน้าจอแบบ Touch-on-Display นั้น ผลิตโดยบริษัท Chimei Innolux และได้เริ่มส่งตัวอย่างหน้าจอ ให้กับทาง Apple ได้ทดสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า iPhone 5S (ไอโฟน 5S) อาจจะใช้เทคโนโลยีหน้าจอแบบใหม่ ที่นอกจากจะช่วยลดปัญหาการกระตุกขณะใช้งานแล้ว อาจจะทำให้ตัวเครื่องบางลงได้กว่าแต่ก่อนอีกด้วยครับ - cultofmac.com

iPhone 5S (ไอโฟน 5S) มาพร้อมกับตัวเครื่องหลากสี เหมือน iPod Touch



หลังจากที่มีกระแสข่าวของ iPhone 6 (ไอโฟน 6) ออกมาเกาะกระแสของ ไอโฟนรุ่นถัดไป ออกมา แต่สุดท้าย ข่าวคราวเคลื่อนไหวของไอโฟนรุ่นถัดไป ที่นักวิเคราะห์หลายท่านเชื่อว่า น่าจะใช้ชื่อ iPhone 5S (ไอโฟน 5S) นั้น ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องครับ หลังจากที่เดือนที่ผ่านมา Peter Misek นักวิเคราะห์จากสถาบัน Jeffries ได้ออกมาเผยว่า ไอโฟนรุ่นถัดไป นั้น น่าจะมีให้เลือกถึง 6-8 สี และเปิดตัวราวๆ กลางปีนี้ ล่าสุด ได้มีนักวิเคราะห์อีกท่าน ออกมายืนยันเช่นกัน

โดยนักวิเคราะห์คนดังกล่าว มีชื่อว่า Brian White ครับ ซึ่งเค้าเชื่อว่า ไอโฟนรุ่นถัดไป นั้น จะมีทางเลือกให้กับผู้ใช้งานมากขึ้น ไม่เพียงแค่จะมีหลายสีให้เลือกเท่านั้น แต่ยังมีหลายขนาดหน้าจอให้เลือกอีกด้วย และคาดว่า น่าจะเปิดตัวประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้ ซึ่งกระบวนการผลิต iPhone 5S (ไอโฟน 5S) นั้น น่าจะเริ่มได้ราวๆ เดือนมีนาคมนี้

นอกจากนี้ Brian White ยังเชื่อว่า สาเหตุที่ทำให้ตัวเค้าคิดว่า iPhone 5S (ไอโฟน 5S) น่าจะมีหลายสีนั้น เป็นเพราะ iPod Touch Gen 5 ที่เปิดตลาดด้วยหลากหลายสีสันนั่นเอง ซึ่ง Brian White เชื่อว่า นี่เป็นการชิมลางตลาดก่อนว่า จะมีกระแสตอบรับกลับมาอย่างไรบ้าง ซึ่งถ้าฟีตแบคดี ก็เป็นไปได้ที่ iPad รุ่นถัดไป จะมีหลายสีด้วยเช่นกันครับ

อย่างไรก็ดี คำสันนิษฐานของนักวิเคราะห์คนดังกล่าว ยังไม่สามารถ ฟันธง ได้อย่างมั่นใจว่า iPhone 5S (ไอโฟน 5S) จะมีหลายสี มีหลายขนาดหน้าจอ และเปิดตัวกลางปีนี้หรือไม่ ซึ่งความคืบหน้าของ iPhone 5S (ไอโฟน 5S) นั้น เร็วๆ นี้น่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติมที่มากขึ้นครับ - macrumors.com

 สนับสนุนเนื้อหา: www.techmoblog.com

7/07/2556

เตือนภัย ใช้แอนดรอยด์ ออนไลน์"เฟซบุ๊ก" ทำข้อมูลส่วนตัวรั่ว

เตือนภัย ใช้แอนดรอยด์ ออนไลน์"เฟซบุ๊ก" ทำข้อมูลส่วนตัวรั่ว

ไซแมนเทค ผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ต ชื่อดัง เปิดเผยว่า ได้ตรวจพบการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวในแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊กสำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ซึ่งจะส่งหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ผ่านอินเตอร์เน็ตไปยังเซิร์ฟเวอร์ของเฟซบุ๊ก เมื่อแอพพ์ดังกล่าวถูกเปิดใช้งาน ประเด็นสำคัญก็คือ หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ถูกส่งออกไปก่อนที่ผู้ใช้จะล็อกอินเข้าสู่แอพพ์ดังกล่าวเสียด้วยซ้ำ นอกจากนี้ถึงแม้ผู้ใช้ไม่ได้ป้อนข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ เริ่มการดำเนินการที่เฉพาะเจาะจง หรือมีบัญชีเฟซบุ๊กแต่หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ก็ยังถูกส่งไปให้เฟซบุ๊กอยู่ดี



ไซแมนเทคได้แจ้งเรื่องนี้ให้ทางเฟซบุ๊กทราบแล้ว และ เฟซบุ๊กมีแผนที่จะแก้ไขจุดบกพร่องนี้ในแอพพ์เฟซบุ๊กรุ่นถัดไปสำหรับแอนดรอยด์ ระหว่างนี้ คาดว่าอุปกรณ์จำนวนมากจากทั้งหมดราว 7 ล้านเครื่องที่ติดตั้งโปรแกรมเฟซบุ๊ก มีแนวโน้มว่าจะได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจหารือในประเด็นดังกล่าวนี้เพิ่มเติมกับผู้เชี่ยวชาญของไซแมนเทค สามารถแจ้งให้ทราบได้ผ่านทางเว็บไซต์ นอกจากนั้นยังสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบล็อกโพสต์ของไซแมนเทค: http://www.symantec.com/connect/blogs/norton-mobile-insight-discovers-facebook-privacy-leak

7/06/2556

คาถาก่อนทาครีมหน้าใส

คาถาก่อนทาครีม ท่องไว้จะได้ขาวเวอร์ๆๆๆๆๆๆๆๆ ขาววิ้งๆๆๆ




ขาวนาน ขาวทน ขาวจนขนทุกอนู
ขาวจั๊ว ขาวเจี๊ยะ ขาววิ้ง ขาวจนผู้ชายปิ๊ง ทิ้งเมียมาหา
ขาวทั้งตัว ขาวไปทั่ว ขาวแสบไส้
ขาวจนเรียกขาวเวอร์ เออขาวโคตรไว ….

ขาวกว่าดารา เอ่อ.ขาวพม่ายังเรียกพี่
ขาวพริตติ้ อี๋... แหม๋อีห่านี่ขาวน่าตบ
ขาวน่าคบ ขาวน่าใกล้ ขาวน่าไลท์ ขาวน่าแชร์
ขาวเป็นกระแส ขอขาวบนโซเชียลแคม

ขาวทั้งที ขาวน่าปี้ ขาวงี้ ขาวน่าลอง
ขาวทั้งตัว ขาวไม่มั่ว ขาวใส่ถุง O_o
ขาวแถวสยาม ขาวในผับ ขาวแบบนี้ต้องระวัง

ขาวเปิดไฟ ขาว วาบ วาบ ขาวอุปกรณ์
ขาวไอโฟน ขาวแอ๊พ ขาวแซ็บต้องขาว คาเมร่า 360
ขาวด้วยท่า ขาวด้วยเต้น ขาวเน้นๆต้องขาวแน่นอก
ขาวนมหก ขาวประชด ยอมกดไลท์
ขาวกว่าใครในนี้ถ้ามีก็น่าลอง

ขาวเกาหลี ขาวญี่ปุ่น ขาวเป็นทุน
ขาวคนไทย ขาวเดี๋ยวนี้ ต้องขาวปิ้ง
ขาววิ้งวิ้ง ต้องขาว แบบกลูต้า
ขาวหลั่นล้า ขาวชิวชิว ขาวเพลเกิร์ล
ขาวเพลินๆ ขาวเมาเมา ขาวหน้าผับ

กูว่าขาวแล้ว ขาวกว่า ในแม่ค้านี้  
ขาวเต็มที่ขาวมากมากขาวไม่ได้
แม่ค้าขาวออกมากล่าวว่าขาวของปลอม
ขาวไม่ปลอม ขาวยังไง มาลองขาวดู

ขาว 5 นาที อย่างนี้ขาวต้องพิสูจน์

7/02/2556

วางขายแล้ว Samsung Galaxy S4 และ HTC One รุ่น Google Edition

วางขายแล้วสำหรับ Samsung Galaxy S4 และ HTC One รุ่น Google Edition โดยตัวเครื่องจะใช้ซอฟท์แวร์แบบ Pure Google และสามารถสั่งซื้อได้แล้วบน Google Play Store ของสหรัฐอเมริกา


Meet Porter. The World's First Driving Dog.

7/01/2556

วิธีการเพิ่มเพื่อน Skype สำหรับ Windows8

วิธีการเพิ่มเพื่อน Skype สำหรับ Windows8
เพิ่มเพื่อน skype (สไก) windows 8 ง่ายๆ หากคุณออนไลน์โปรแกรมอยู่นั้น
คุณทำได้ดังนี้
1.บนหน้าโปรแกรม Skype ให้คุณกดคลิ๊กเม้าขวา จะปรากฏแถบเพื่มเพื่อน ขึ้นมาจากด้านล่างของหน้าจอ
2.กดที่ เพิ่มเพื่อน จะปรากฏแถบเมนูของ Windows8 ด้านขวามือ
3.ในช่อง ค้นหา  ให้ใส่ email ของเพื่อนคุณ หลังจากนั้นกด ค้นหา คอมพิวเตอร์ของคุณก็จะทำการค้นหา email นี้จากระบบ
4.ให้กดเพิ่มเพื่อนได้เลย